กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--IR network
บมจ.ปริญสิริ (PRIN) โชว์ผลงานโกยกำไรไตรมาส 3 พุ่งกระฉูด 2,202% เหตุยอดรับรู้รายได้ล้น หลังมีการก่อสร้างดีกว่าปีที่ผ่านมา แถมได้อานิสงส์ภาษีนิติบุคคลที่ลดลงเหลือ 23% ด้านผู้บริหารหน้าหยก "ชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย" แง้มแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ดันผลการดำเนินงานทั้งปีฟื้นตัวชัดเจนจากปีก่อน
นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2555 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 70.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 2,202.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.07 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปี 2555 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 274.81 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.73 ล้านบาท
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/55 ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น เป็นผลมาจากยอดรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น 55.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่บริษัทฯประสบปัญหาการก่อสร้างล่าช้า และส่งมอบบ้านให้ลูกค้าไม่ทันตามกำหนด แต่ ณ ปัจจุบันบริษัทฯได้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 3/55 อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลยังปรับตัวลดลงจากปีก่อน จากการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐบาล จาก 30% เหลือ 23%
นายชัยรัตน์ ยังได้เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จึงคาดว่ารายได้รวมของ PRIN ในปี 2555 จะอยู่ในระดับประมาณ 2,800 ล้านบาท
"ปี 2555 นี้คงต้องบอกว่า บมจ.ปริญสิริ สามารถแก้ปัญหาการก่อสร้างได้อยู่ในระดับที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดรับรู้รายได้ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อน ประกอบกับในไตรมาสสุดท้ายของปี ยังมี backlog ที่รอรับรู้รายได้อีกกว่า 1,600 ล้านบาท โดยคาดว่าในปีนี้จะมีโครงการเลื่อนไปเปิดในต้นปี 2556 มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท และในปีหน้าเรายังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีกมูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า นับจากนี้ไป PRIN จะกลับมาเติบโตอย่างมีเสถียรภาพอีกครั้ง" นายชัยรัตน์กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติวงเงินสำหรับการออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น วงเงินรวมไม่เกิน 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจปกติ โดยจะเสนอขายเมื่อบริษัทมีความต้องการใช้เงิน
ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีนี้ต่อจากนี้ PRIN จะยังคงเน้นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯมีความถนัด ในสัดส่วน 70% ของรายได้รวม ขณะที่คอนโดมิเนียมจะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 30%