กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น
สัมภาษณ์ศศิธร พานิชชนก รับบทเป็น “ หมอวารี ”
- ในภาพยนตร์เรื่องอุกกาบาต รับบทเป็นอะไร? และมีคาร์แรคเตอร์เป็นอย่างไร ?
ในเรื่องรับบทเป็นวารี เป็นจิตแพทย์ เป็นคู่รักกับพี่ต็อก : ศุภกรณ์ ซึ่งรับบทเป็นหมอโอมก็จะเป็นจิตแพทย์เหมือนกัน ในเรื่องจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาจะต้องหนีไปต่างจังหวัดและตัวหมอวารีต้องตามหาเขา ตามช่วยเหลือเขา เกือบๆ ทั้งเรื่องที่เราจะต้องตามหาหมอโอม ต้องพจญภัยอยู่ในป่าและส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยได้เข้าฉากกับพี่ต็อกด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเข้าฉากร่วมกับพี่เอราวัต รับบทเป็นสารวัตรพศิน พี่ตุ๋ย : อรุณ ภาวิไล รับบทเป็นหมอขัน และพี่ปั๋ง : ปกาศิต โบสุวรรณ รับบทเป็นหมอบุญปรก รวมกัน 4 คน ก็จะเข้าฉากด้วยกัน
- เป็นอย่างไรบ้างกับการทำงานเรื่องนี้
ก็สนุกได้ทำงานกับอาบัณฑิต คือตัวฮีนมีความอยากที่จะทำงานร่วมกับอาบัณฑิต ฮีนได้ชื่อชื่อเสียงของ
อาบัณฑิต มานานแล้วและก็ชื่อนชอบผลงานของอาเป็นทุนเดิมด้วยอย่างเรื่องบุญชู ชอบมากดูมาตลอด และก็รู้สึกว่าตัวอาบัณฑิตน่าสนใจเพราะผู้กำกับรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการมานาน เขาจะมีความเก๋า เก่งในการทำงานและมองภาพทุกอย่างออกก็ที่จะลงมือกำกับ ฮีนว่ามันดีมาก อย่างเช่นวันนี้อาจะถ่ายฉากนี้แค่ยังไม่ได้ลงมือทำอาก็จะรู้หมดว่ามันจะต้องออกมายังไง คือเขาจะมีภาพต่างๆอยู่แล้ว ฮีนก็เลยรู้สึกประทับใจมาก
- ก่อนหน้านี้มีผลงานอะไรมาบ้าง?
มีภาพยนตร์เรื่องจันดารา และก็ตะลุมพุก อย่างตะลุมพุกก็พจญภัยเหมือนกันและจะแตกต่างกันตรงที่เรื่องนั้นจะต้องต่สู้กับพายุ และก็หนักไปทางดาม่ามากกว่าเรื่องนี้ แต่เรื่องอุกกบาตมันก็เป็นเรื่องของการต่อสู้กับธรรมชาติเหมือนกันแต่จะแตกต่างที่เป็นเรื่องของสิ่งลึกลับที่เราต้องค้นหาว่ามันเกิดขึ้นมากจากอะไร ก็จะสนุกคนละแบบ
- และเรื่องอุกกาบาตมันน่าสนใจยังไง
สิ่งที่ทำให้ฮีนตัดสินใจเป็นอันดับแรกที่อย่างจะทำงานตรงนี้ก็คือผู้กำกับที่ชื่อ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล คืออยากทำงานร่วมกับอามานานแล้ว และก็เรื่องของเวลาที่ลงตังคือช่วงนั้นปิดเทอมพอดี และในเรื่องของบทก็น่าสนใจ เป็นหนังแนวลึกลับ มีแอ็คชั่น มันก็น่าสนุกดี น่าลองและก็ได้เล่นกับพี่ต็อกด้วย ซึ่วเราก็ชื่นชอบเขาอยู่แล้วก็เลยโอเค.
- กับนักแสดงแต่ละคนที่ร่วมงานด้วยเป็นยังไงบ้าง ?
ในแต่ละคนฮีนยังไม่เคยร่วมงานด้วย เรื่องนี้เป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรกก็ดีนะคะ
- และกับการทำงานร่วมกับคุณบัณฑิตเป็นอย่างไร?
ทำงานกับอาจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย คือจะยากตรงที่เราไม่รู้ตัวก่อนล่วงหน้าว่าเราจะต้องถ่ายอะไร ต่อด้วยอะไร จะถ่ายที่ไหน บางทีบทก็เพิ่งจะเสร็จตอนที่เราจะถ่ายอยู่แล้ว ตรงนี้ฮีนจะทำตัวไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะบางทีฉากที่กำลังจะถ่ายฮีนเองยังไม่เข้าใจแต่ว่าเดี๋ยวมันจะต้องถ่ายแล้วตรงนี้ฮีนจะกังวลนะ แต่พอถ่ายกันจริงๆ มันง่ายมาก อาบัณฑิตจะทำให้เรารู้สึกว่ามันง่าย เขาจะอธิบายให้ฟังตลอดเล่าถึงทีมาที่ไปจนเราเข้าใจ พอถ่ายจริงๆ มันก็ง่ายกับการทำงาน แต่ตอนแรกๆ จะเกร่งมาก
- และกับต็อก : ศุภกรณ์ เล่นด้วยกันเป็นยังไงบ้าง?
เข้าฉากกับพี่ต็อกจะน้อย มีเฉพาะที่โรงพยาบาลไม่กี่ครั้งเอง และว่าจะเข้าฉากกับพี่ปั๋งเยอะนะ คือพี่ปั๋งในเรื่องจะเป็นอาจารย์หมอทำงานร่วมกับพี่ปั๋งจะสนุกคือจะอยู่ด้วยกันตลอดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ พี่ปั๋งจะเป็นคนอารมณ์ดี ไม่เครียด จะถ่ายดึกแค่ไหนก็ยังยิ้มได้ หัวเราะได้ แต่อย่างพี่ต็อกถึงจะเข้าฉากด้วยกันน้อยแต่ก็จะเป็นฉากที่เราเล่นด้วยอารมณ์ที่รับส่งกัน พี่เขาจะดีมากเวลาฮีนเข้าฉากจะรู้สึกดีตลอดแอ็คติ่งหรือการส่งอารมณ์เราจะสื่อถึงกันได้ดีไม่ติดขัดกัน ส่วนพี่อูจะเล่นด้วยกันแค่ฉาก คือฉากที่เขาใช้พลังในตัวของเขาปล่อยออกมาทำร้ายคนอื่นซึ่งเราก็จะโดนไปด้วย สำหรับอุ้มก็จะเจอกันแบบห่างๆ เป็นฉากที่เราเล่นเขากำลังแสดงละครเล่อยู่
- ฉากไหนที่ประทับใจ หรือว่ามันเป็นฉากที่หนักกับเรา
ก็มีนะคะฉากที่รู้สึกหนักใน คือมันจะเป็นฉากที่เราจะต้องเล่นกับอาการที่ถูกไฟช็อตจะพี่อู ที่รับบทเป็น
การิน คือพี่อูจะส่งพลังอะไรสักอย่างมาที่เราและเราจะต้องรู้สึงกว่าโดนช็อตจนตัวปลิว ตอนถ่ายอาบัณฑิตจะให้ฮีนยืนอยู่บนดอลลี่และก็มีพัดลมยักษ์เป่า มีเศษใบไม้ใบหญ้า เศษดินปลิวใส่ตัวฮีนแล้วเขาก็จะดึงเราถอยหลังออกไป คือตรงนี้ฮีนก็จะอาศัยการจินตนาการ คิดเอาเองว่าเราจะต้องทำหน้ายังไง ความแรงของการโดนช็อตมันต้องขนาดไหน มันไม่มีตัวอย่างให้ดูตอนแรกๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเล่นให้ออกมาเป็นแบบไหนดี พอจะถ่ายจริงๆ มันก็โอเค.นะ ใช้ทั้งจินตนาการว่ามันแรงแค่ไหน แต่พอตอนถ่ายไม่ต้องคิดเลยว่าจะต้องทำหน้าแบบไหนเพราะมันเจอเอาเศษดิน เศษทราย ใบไม้ต่างๆ ปลิวเข้าหน้าเอง แอ็คติ่งมันก็เลยออกมาเองได้ผลมาก ฉากนี้จะถ่ายหลายเทคเกิด 10 เทคเพราะเป็นที่ต้องเปลี่ยนมุมกล้องด้วย
- แล้วฉากไหนที่ประทับใจ
คือมีนเป็นซีนที่สนุกๆ คือในเรื่องกลุ่มที่ตามหาหมอโอมจะต้องขับรถกันไปก็จะมีฮีน พี่ปั๋ง พี่ตุ๋ย และก็พี่เอ และรถก็ต้องไปเจอพายุ มีหมุนด้วยเป็นหนังแอ็คชั่นจัดเลย แล้วฮีนก็ต้องอยู่ในรถด้วย คือเขาจะเอารถขึ้นไปไว้บนคานแล้วหมุน แต่หมุนไม่ได้เร็วมากนะแต่ฮีนก็นั่งมึนอยู่บนรถ ก็สนุกดี และพี่เอ:เอราวัต เขาจะขับรถไม่ค่อยแข็งแต่ในเรื่องเขาจะต้องขับเป็น ขับเก่ง แล้วถ่ายอาบัณฑิตจะให้ขับไปแล้วก็มีพายุมา มีฝนตกและก็ให้ทำรถส่าย คนในรถก็จะลุ้นกันว่ามันจะออกมาแบบไหน แต่จริงๆ ฮีนก็มันใจเขานะ ไม่กลัวหรอก มั่นใจว่าเขาต้องมีสติที่จะเหยียบเบรกทันถ้ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกอย่างก็ออกมาดี
- เรื่องนี้ฮีนจะถ่ายในป่าตลอดเลยรึเปล่า
ก็มีที่กรุงเทพบ้างนิดหน่อย แต่ในป่าจะนานเหมือนกันเพราะตอนถ่ายก็จะเจอฝนตกประจำ เวลามันก็จะยืดออกไป และคิวของฮีนก็ไม่ค่อยได้ด้วยเพราะมันก็เปิดเทอมพอดี ถ่ายทำกันประมาณ 3-4 เดือนน่าจะได้
- การทำงานครั้งนี้เราได้ประสบการณ์อะไรบ้างไหมสำหรับเอามาใช้ในเรื่องของการเรียน
มันได้ทั้งเอาจากที่เรียนมาใช้ในการแสดง และก็ได้จากที่การแสดงไปใช้ในตอนเรียน และการนำเอาประสบการณ์ของแต่ละแบบมาแลกกัน อย่างตอนที่เราเรียนมันก็จะมีวิชาแอ็คติ่งอันนี้เราก็เอาไปใช้ในการแสดงของเราได้ และกับการทำงานที่กองถ่ายอันนี้ก็จะสอนให้เราได้รู้ถึงการทำงานร่วมกันกับคนอื่นมันให้ความรับผิดชอบ ทำให้เราเจอคนมากมายหลากหลายรูปแบบ เราจะเห็นเลยว่าในการถ่ายทำภาพยนตร์แต่ละเรื่องมันไม่ใช่ง่ายๆ มันต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างดี กว่ามันจะออกมาได้แต่ละฉาก มันต้องทำอะไรยังไงบ้าง ได้เห็นวิธีการกำกับของอาบัณฑิต หรือผู้กำกับคนอื่นๆ ที่เราได้เคยร่วมงานมา ซึ้งการทำงานของผู้กำกับแต่ละคนเราสามารถเอามาปรับใช้กับการเรียนของเราได้ด้วย คือฮีนเรียนเรื่องของการกำกับการแสดงด้วย
- ในการทำงานเรื่องนี้เจออุปสรรคอะไรบ้างไหม
ปัญหาในเรื่องของการแสดงฮีนไม่ได้หนักใจ แต่จะหนักใจอะไรมาก แต่จะเป็นความกังวลมากว่าที่เราจะเข้าฉากร่วมกับพี่ปั๋ง พี่ตุ๋ย ฮีนไม่เคยร่วมงานกับพี่เขามาก่อน และ เขา 2 คนก็เก่งอยู่แล้ว แต่พี่ๆ เขาจะคอยแนะนำช่วยเหลือเรา ตอนแรกจะเกรงๆ กลัวเราทำพลาดทำให้พี่ๆ เขาเสียเวลากับเรา แต่เข้าฉากจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรผ่านไปได้ และปัญหาของฮีนอีกอย่างคือเราอของเวลา คือตอนนั้นถ่ายยังไม่เสร็จ มหาวิทยาลัยก็เปิดเทอมแล้ว เวลามันก็จะไม่ค่อยตรงกัน อย่างบางวันเลิกเรียน 3 ทุ่ม ก็ต้องไปถ่ายหนังต่อ พอเช้าก็มาเรียน มันหนักมากนะสำหรับฮีน รู้สึกเหนื่อยมาก และเราก็ต้องเคลียด ฮีนก็จะรู้สึกเกรงใจอาบัณฑิตด้วยว่าคิวเรามันไม่ได้ แต่จริงๆ หนังมันต้องถ่ายเสร็จก่อนฮีนเปิดเทอม แต่ตอนถ่ายมีปัญหาเรื่องของฝน การถ่ายทำก็ยืดออกคิวที่เคยคุยกันก็ไม่เป็นไปตามนั้น
- มีการเลือกงานแสดงของตัวเองอย่างไรบ้าง
ฮีนจะค่อนข้างดูเรื่องของบทที่ได้รับละเอียดนิดหนึ่ง หรือเรื่องของงานที่จะต้องทำ เพราะก็จะเกรงใจผู้ใหญ่ทั้งที่สถาบันการศึกษาและก็คุณพ่อ คุณแม่ด้วยคือครอบครัวฮีนจะนับถือศาสนาอิสลาม เราจะทำอะไรเราก็ต้องนึกถึงตรงนี้ด้วย อย่างเช่น ถ่ายแฟชั่น อันนี้ก็ขอไม่หวือหวามากนัก และอีกอย่างที่ขอเลือกบทฮีนก็จะเกรงใจมหาวิทยาลัย จะยังไม่กล้ารับอะไรที่หวือหวามากนัก แต่ถ้าจบแล้วก็คอยว่ากันอีกที
- นอกจากตอนนี้ที่ต้องตั้งใจเรียนให้จบ ฮีนมีโปรเจ็คอะไรใหม่ๆ อีกไหม
จริงฮีนยังอยากที่จะทำงานในวงการการแสดงอยู่ เพราะว่าตั้งแต่เรียนมาจะชอบแอ็คติ่ง และก็การกำกับการแสดงและก็อยากทำงานทั้งอยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่ตอนนี้อยากหาประสบการรณ์ในการทำงานเบื้องหน้าก่อน หลังจากนั้นเราได้เก็บเกี่ยวประสบการรณ์การทำงานแล้วเราก็คอยขับขยายตัวเองไปทำงานเบื้องหลัง
- อยากให้เล่าถึงเรื่องส่วนตัวสักเล็กน้อย
ตอนนี้เรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาศิลปการละคร ชั้นปีที่ 4 จบปีนี้แล้ว ตอนนี้อายุ 22 ปี สูง 167 ซม. หนัก 45 กก. เป็นลูกครึ่ง ไทย-อินเดีย คุณพ่อเป็นอินเดีย คุณแม่เป็นคนไทย
คุณพ่อจะทำธุรกิจส่วนตัวเป็นพวกจิวเวอลี่ คุณแม่จะทำร้านอาหาร มีพี่-น้องทั้งหมด 3 คน ฮีนเป็นคนเล็ก มีพี่สาวคนโต พี่ชาย และก็ฮีน ฮีนเข้าสู่วงการแสดงได้จากงานโฆษณาตอนนั้นอายุ 16 ปีเอง ตอนนั้นจะมีโมเดลลิ่งมาขอถ่ายรูป แล้วก็เรียกตัวไปแคสติ่ง ตอนนั้นฮีนไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยก็จะไปกับคุณแม่ ไปที่สยามสตูดิโอพอเข้าไปตรงนั้นเรารู้สึกประทับใจได้รับการตอนรับที่ดี งานก็สนุก มันก็ทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง ผลงานชิ้นแรกโฆษณาผงซักฟอกจากนั้นก็รับงานโฆษณามาเรื่อยๆ พอดีมีปัญหากับที่โรงเรียนตอนนั้นฮีนอยู่มัธยมปีที่ 6 แล้ว อาจารย์ไม่อยากให้ไปทำงานแล้วพอเดี๋ยวจะกระทบกับการเรียนเพราะตอนนั้นกำลังจะเอ็นทรานแล้ว ม.6ฮีนเรียนที่อัสสัมชัญคอนแวน ก็โอเคไม่รับเราก็เบรกไปเพราะมันก็จะเอ็นฯ ด้วย ฮีนก็ไม่อยากเสี่ยงกับการเอ็นไม่ติด หลังจากนั้นพี่ที่เขาเคยทำงานโฆษณาเขาเป็นแคสติ่งของภาพยนตร์เรื่องจันดารา เขาก็โทร.มาถามว่าฮีนสนใจไหม มีบทที่ตรงกับฮีน ตอนที่ได้ร่วมงานเรื่องนี้ครั้งแรก ฮีนจะตื่นเต้นมากมันเป็นงานหนังครั้งแรก มันไม่เหมือนกับงานโฆษณาที่ฮีนเคยทำ พอพี่เขาบอกว่าหนังมันจะออกปีหน้าเท่ากับว่าเราถ่ายตอนเราจบ ม.6 และเราก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ก็รับเล่นเลย ประกอบกับเรื่องนี้บทไม่ยาวด้วย และก็ได้ไปถ่ายที่หลวงพระบางด้วยตื้นเต้นอยากไป และการที่เราไปเล่นหนังครั้งแรกกับพี่อุ๋ย: นนทรีย์ มันมีเสน่ห์อะไรอยู่บางอย่างตรงนี้เองที่ทำให้ชอบ ฉากก็สวย อะไรก็ดีไปหมด คือชอบ มีความสุขที่ได้ทำงานตรงนี้
คืออนาคตนอกจากจะอยู่เบื้องหน้าแบบนี้แล้ว ยังอยากที่จะทำงานเบื้องหลังด้วย
- ตอนนี้มีผลงานอะไรบ้าง
จะมี VCD. 2 เรื่อง คือ สลับร่าง กับ ผู้หญิงมนตร์ดำ สลับร่างออกแล้ว แต่ผู้หญิงมนตร์ดำยังไม่ออก แต่ตอนนี้ก็ขอไม่รับงานอะไรเลยอยากเรียนให้จบเพราะมันเรียนยากมาก มีทำกิจกรรมเยอะ รายงานก็เยอะ ก็เคยปรึกษาอาจารย์เหมือนกันว่าการที่เราไม่รับงานอะไรเลย มันจะทำให้เราหายไป เหมือนเป็นการเสียโอกาสของเรารึเปล่า แต่อาจารย์เข็จะบอกว่าคนเรามันต้องเลือกนะ อยากไปเสียใจกับสิ่งที่เราเลือกเลย เพราะยังไงมันก็ต้องมีทางต่อไป คือมันก็เป็นเหตุให้เราต้องเลือกจริงๆ ถ้าเราไม่เลือกที่จะพักเรื่องงานตอนนี้การเรียนเราอาจจะแย่ก็ได้ คือปี 4 จะเป็นวิชาที่ต้องปฏิบัติถ้าเราไม่มาเรียนเราจะแย่เลย เพราะมันยากมากๆ แต่ใจหนึ่งก็เสียดายงานเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวคอยว่ากันใหม่ ช่วงนี้ก็เลยเรียนอย่างเดียว ฮีนเป็นคนที่เหนื่อยที่ต้องจัดการอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--