ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ “ภัทรลิสซิ่ง” และคงอันดับเครดิตเดิมที่ “BBB+” พร้อมแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday September 30, 2004 08:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท (PL04DA PL066A และ PL079A) ที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 400 ล้านบาท (PL08OA) ของบริษัทที่ระดับ “BBB+” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปชำระคืนหุ้นกู้เดิมของบริษัทจำนวน 400 ล้านบาทซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนธันวาคม 2547 (PL04DA) อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์ (Operating Lease) ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเพียงพอของกระแสเงินสด และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีของบริษัท รวมทั้งยังสะท้อนแนวโน้มที่ดีของธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนด้วยสัดส่วนการกู้ยืมที่สูง การกระจุกตัวของลูกค้ารายใหญ่ และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเช่าดำเนินงานรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทในการดำรงตำแหน่งผู้นำในธุรกิจให้เช่าดำเนินงานรถยนต์ ทั้งนี้ บริษัทมีแนวโน้มที่จะสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมที่สำคัญและขยายฐานลูกค้าใหม่ ตลอดจนรักษาคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง และคาดว่าสัดส่วนของเงินกู้ยืมของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจากการขยายธุรกิจของบริษัท
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทภัทรลิสซิ่งยังคงมีอัตราการขยายตัวของรายได้และผลกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของงวดบัญชีปี 2547 (ตุลาคม 2546-มิถุนายน 2547) โดยบริษัทมีรายได้จากการให้เช่าดำเนินงาน 953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินทรัพย์ให้เช่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เพื่อให้เช่าและรอการขายจำนวน 89 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 46 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของงวดบัญชีปี 2547 เท่ากับ 171 ล้านบาท โดยเพิ่มสูงขึ้นถึง 51.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่บริษัทต้องกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการขยายสินทรัพย์ให้เช่า ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 74.9% เปรียบเทียบกับ 63.7% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2545 และ 73.8% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ