กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--เวิรฟ
สถาบันด้านการวิจัยตลาดชั้นนำ เผยผลการศึกษาล่าสุดที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกของเชลล์ โดยไคลน์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) ระบุว่าเชลล์ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งในตลาดน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลก ส่วน อิปซอส โมริ (Ipsos MORI) และ แฮร์ริส อินเตอร์แอคทีฟ (Harris Interactive) เผยเชลล์เป็นแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน มาเลเซีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และไทย ในขณะที่ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost and Sullivan) มอบรางวัล “Customer Value Enhancement Award” ในสาขาน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ให้แก่เชลล์
มาร์ค เกนส์เบอเรอ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโกลบอล คอมเมอร์เชียล ของเชลล์ กล่าวว่า “ความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ เกิดจากระบบการผลิตและการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และการลงทุนด้านนวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลสำรวจจากสถาบันภายนอกเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงจุดแข็งและความสำเร็จของน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ และยังแสดงให้เห็นว่าเราได้ดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ มาถูกทางแล้ว”
ทั้งนี้ ไคลน์ แอนด์ คอมพานี ได้ทำการสำรวจตลาดน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลกเป็นประจำทุกปี โดยในรายงานฉบับที่ 10 คือ “Global Lubricants Industry 2011: Market Analysis and Assessment” พบว่าในปี พ.ศ. 2554 เชลล์มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในตลาดน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลก ด้วยส่วนแบ่งถึง 13% ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งการสรรหาแหล่งเชื้อเพลิง GTL ใหม่ๆ จากโปรเจคเพิร์ลในกาตาร์ นอกจากนี้เชลล์ยังผนวกการทำงานของฝ่ายผลิตและฝ่ายวิจัยได้อย่างชาญฉลาด และทำงานร่วมกับผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วน (OEM) หลายราย อาทิ เดมเลอร์ และฮุนได เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการใช้งานมากที่สุด
ความสำเร็จของน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ยังได้รับการตอกย้ำจากผลวิจัยที่ทำกับกลุ่มผู้ใช้โดยตรง ของ 2 สถาบัน คือ อิปซอส โมริ* ซึ่งสำรวจผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และพบว่าน้ำมันหล่อลื่นเชลล์เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในจีน มาเลเซีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา (แบรนด์เพนน์ซอยล์) และไทย ในขณะที่ แฮร์ริส อินเตอร์แอคทีฟ* ได้สำรวจกลุ่มผู้ใช้รถบรรทุกและพบว่าน้ำมันหล่อลื่นเชลล์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในจีน มาเลเซีย ตุรกี รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ เชลล์ยังได้รับรางวัล “Customer Value Enhancement Award” (การนำเสนอคุณค่าให้แก่ผู้บริโภค) ในสาขาน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ ซึ่งฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน จัดขึ้นในยุโรปเป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยคณะกรรมการตัดสินระบุว่า เชลล์สามารถนำเสนอคุณค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพสูง และยังมีทีมนักวิจัยจำนวนมากทั่วโลก รวมทั้งมีเครื่องมือให้คำปรึกษาทางเทคนิคแก่ลูกค้า อาทิ Shell LubeMatch และ Shell LubeAnalyst ที่สำคัญเชลล์ยังได้คิดค้นและทดสอบน้ำมันหล่อลื่นร่วมกับเฟอร์รารี่ในสนามแข่งขันฟอร์มูล่าวัน เพื่อพัฒนาไปสู่การใช้งานจริงบนท้องถนนอีกด้วย
“เชลล์ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับตลาดน้ำมันหล่อลื่นมาอย่างต่อเนื่อง และทำงานอย่างเป็นระบบกับผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วน หรือ OEM เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละชนิดมากที่สุด ซึ่งความพยายามดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้น้ำมันหล่อลื่นเชลล์สามารถนำเสนอคุณค่าที่เหนือกว่าสู่ผู้ใช้ทุกกลุ่มได้อย่างแท้จริง” มาร์ค เกนส์เบอเรอ กล่าว
*สำรวจจากผู้ใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลและผู้ใช้รถบรรทุกที่มีใบอนุญาตขับขี่ โดยทำการสำรวจในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2555 โดย แฮร์ริส อินเตอร์แอคทีฟ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และ อิปซอส โมริ ในประเทศอื่นๆ ที่ถูกอ้างถึง
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ไคลน์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company - http://www.klinegroup.com) เป็นบริษัทที่ปรึกษาและสำรวจวิจัยระดับโลก โดยรายงานประจำปีฉบับที่ 10 ของบริษัท คือ Global Lubricants Industry 2011: Market Analysis and Assessment นำเสนอข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์และอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้
- ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost and Sullivan) เป็นบริษัทระดับนานาชาติที่ทำการวิจัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ ทั้งการวิเคราะห์และวิจัยตลาด และการจัดทำรายงาน โดยทีมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ ของ บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน จะร่วมกันคัดเลือกและมอบรางวัลให้กับบริษัทที่มีการดำเนินงานเป็นเลิศ (Best Practice) ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ อาทิ เช่น ความเป็นผู้นำ การวางกลยุทธ์ การบริการ นวัตกรรม การบูรณาการ และความก้าวหน้า
- ผลสำรวจของ อิปซอส โมริ (Ipsos MORI) และ แฮร์ริส อินเตอร์แอคทีฟ (Harris Interactive) เกิดจากการศึกษาวิเคราะห์สุขภาพแบรนด์ (brand health tracker) ในประเทศจีน มาเลเซีย ไทย รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2555 โดยสัมภาษณ์ผู้ใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลประมาณ 5,000 คน และเจ้าของหรือผู้ขับรถบรรทุกประมาณ 5,000 คน ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม ถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2555 โดยในการสัมภาษณ์ผู้ใช้รถทั้ง 2 กลุ่มจะถูกถามเกี่ยวกับแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นที่เลือกใช้ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องราคาและการจัดจำหน่าย ซึ่งการสำรวจทั้งหมดจัดทำขึ้นในนามของเชลล์