กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--โอเอซิส มีเดีย
โรเบิร์ต บ๊อช ยิ้มรับผลงานการพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ที่สะอาด ปลอดภัย ประหยัด และทนทาน มั่นใจบทพิสูจน์ความสำเร็จจากการบันทึกสถิติโลก การเดินทาง 23,000 กิโลเมตรจากซีกโลกใต้สุดสู่เหนือสุดเพียงแค่ 17 วัน ด้วยเทคโนโลยีดีเซลระบบคอมมอนเรล ของบ๊อช
นายเคลาส์ แลนด์ฮอยเซอร์ หัวหน้าส่วนภูมิภาค กิจการภายนอกและรัฐสัมพันธ์ บ๊อชเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ยอดขายของบ๊อชประเทศไทยในปีที่ผ่านมา สามารถทำได้รวม 8,900 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 25 % และส่งผลให้ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงสุดในเอเชียอาคเนย์ หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 40 % ของยอดขายระดับภูมิภาคที่มีมูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท โดยโครงสร้างรายได้หลักในประเทศไทยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งบ๊อชมีความสนใจเพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยมีการเติบโตสูงมาก โดยบ๊อชมีความพร้อมจากการที่มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าที่หลากหลายของประเทศในภูมิภาคอยู่แล้ว
และจากการที่บ๊อชให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นหัวใจหลักทุกปีต่อเนื่อง บ๊อชได้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ทั้งในด้านกำลัง ประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และที่สำคัญต้องประหยัดพลังงานและรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจขณะนี้ คือเทคโนโลยีระบบไฮบริดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งสามารถให้พลังและประหยัดมากกว่าระบบไฮบริดที่ผสมผสานเครื่องเบนซิน
ทั้งนี้เทคโนโยลีดีเซลคอมมอนเรลของบ๊อช ผ่านการพิสูจน์ความสำเร็จในระดับการบันทึกสถิติโลก ซึ่งเป็นบททดสอบความทนทานในการขับรถทางไกล 23,000 กิโลเมตรโดยปราศจากปัญหาทางด้านเทคนิค จากเส้นทางการขับรถจากเมืองใต้สุดของโลก คือ เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย สู่เมืองที่เหนือสุดของโลก คือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ภายในระยะเวลาเพียง 17 วัน ถือเป็นการทำสถิติใหม่ของโลก โดยนายไรเนอร์ ซีทโล นักผจญภัยและขับรถออฟโรด ซึ่งเดินทางพร้อมเพื่อนร่วมทีม โดยรถโฟล์คสวาเก้น ทัวเร็ก TDI Clean Diesel เครื่องยนต์โดยเทคโนโลยีหัวฉีดดีเซลจากบ๊อช
“การเดินทางจากเมลเบิร์น ไปยังเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของพวกเราในครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางครั้งที่ 3 หลังจากการเดินทางจากอาร์เจนตินาไปยังอลาสก้าในปี พ.ศ. 2554 และการเดินทางขึ้นภูเขาไฟ โอโจสเดลซาลาโด (Ojos delSalado) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในโลกในปี พ.ศ.2548 อย่างไรก็ตามการเดินทางครั้งล่าสุดของเรา ถือว่าเป็นการเดินทางที่เยี่ยมยอดและเป็นบทพิสูจน์ถึงการตัดสินใจที่ถูกต้องของเราในการเลือกรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีดีเซลจากบ๊อช ที่ให้พลัง ความเร็ว และความมั่นใจในการขับขี่ในทุกสภาพถนนและในทุกสถานะการณ์” นายซีทโลกล่าว
เทคโนโลยี ระบบ คอมมอนเรล CRS 3-20 เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญยิ่งของเครื่องยนต์ใน โฟล์คสวาเก้น ทัวเร็ก Clean Diesel ที่ประหยัดคุ้มค่าต่อการใช้งาน มากไปกว่านั้นยังทำให้เครื่องยนต์สะอาดและทรงพลัง เทคโนโลยีระบบหัวฉีดดีเซลซึ่งควบคุมด้วยระบบอีเล็คทรอนิคส์ นี้ เป็นระบบที่ทันสมัยและมีความก้าวหน้า ได้รับการพัฒนามาจาก บ๊อซ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตระบบหัวฉีดน้ำมันดีเซลชั้นนำของโลก
นายแลนด์ฮอยซ์เซอร์ กล่าวต่ออีกว่า “สำหรับบ๊อซ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้จัดหาเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบดีเซลที่ทันสมัยและสะอาดของโลก โครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีดีเซลคอมมอนเรล ของบ๊อชที่สะอาดและมีประสิทธิภาพในทุกสภาวะอากาศและท่ามกลางการใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
“มีความท้าทายอยู่ 2 อย่างที่พวกเราพบในการเดินทาง นั่นคือความแตกต่างของสภาพภูมิอากาศและความแตกต่างของคุณภาพน้ำมันในแต่ละประเทศตลอดเส้นทาง แต่เทคโนโลยีคอมมอนเรลของบ๊อช ก็สอบผ่านได้เป็นอย่างดี ไม่มีปัญหาทางด้านเทคนิคแม้แต่ปัญหาเดียวจากการใช้ระบบคอมมอนเรลของบ๊อช” นาย. แลนด์ฮอยซ์เซอร์ กล่าว
อนาคตของเทคโนโลยีคอมมอนเรลที่มีความดันสูงถึง 2,500 บาร์
คำว่า ”คอมมอนเรล” มีความหมายถึงแรงอัดที่สะสมจากการฉีดน้ำมันด้วยแรงดันสูงเข้าสู่กระบอกสูบ การสูบฉีดของเครื่องยนต์หลายครั้งทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เงียบขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ และก๊าซพิษตัวอื่นได้มาก ในปัจจุบัน รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลสะอาด จะใช้น้ำมันโดยเฉลี่ยน้อยลงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยควันน้อยลงกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ และเครื่องยนต์มีแรงบิดและให้พลังขับเคลื่อนมากขึ้นประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินในรุ่นเดียวกัน