กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ปตท.
ราคาน้ำมันเฉลี่ยในสัปดาห์ที่ 12-16 พ.ย. 55 น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 106.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 0.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 108.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 0.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 85.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น 4.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 120.39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 3.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 117.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- สหภาพยุโรปและ IMF ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงแผนลดหนี้สินระยะยาวของกรีซได้ ส่งผลให้กรีซไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดต่อไปมูลค่า 3.15 หมื่นล้านยูโรเพื่อชำระหนี้มูลค่า 5 พันล้านยูโร ในวันที่ 16 พ.ย. 55 ที่ผ่านมา ทำให้กรีซต้องเลื่อนการชำระคืนเงินต้นพันธบัตรเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยกรีซตัดสินใจจำหน่ายตั๋วเงินคลังหรือ Treasury Bill เพื่อชำระหนี้ ทั้งนี้กรีซคาดการณ์ว่าต้องใช้เงินเพิ่ม 3.26 หมื่นล้านยูโรในช่วง 2 ปีหน้า
- ปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์ IEA รายงานความต้องการน้ำมันโลกในไตรมาสที่ 4 เติบโตลดลงจากการประมาณครั้งก่อน 0.3 ล้านบารเรล์ต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 90.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากผลกระทบของเฮอริเคน Sandy และ ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ปรับตัวมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนด้านอุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง เพิ่มขึ้น 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ระดับ 90.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการผลิตของกลุ่มประเทศ Non OPEC โดยเฉพาะสหรัฐฯ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯสูงขึ้นเนื่องจากการผลิต Shale Liquids ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ IEA คาดสหรัฐฯจะเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบ (Net exporter) ภายในปี พ.ศ. 2573
- ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อ่อนตัวลงโดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ปรับตัวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน กอปรกับผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) เดือน ต.ค. 55 ลดลง 0.4% (M-O-M) ทั้งนี้รายงานยอดสินค้าขายปลีก (Retail Sales) เดือน ต.ค. 55 ลดลง 0.3% (M-O-M) เนื่องจากผลกระทบของพายุแซนดี้ ส่งผลให้โรงงานและงานก่อสร้างต้องหยุดดำเนินการหลังจากได้รับความเสียหาย นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพราะกังวลต่อสถานการณ์หน้าผาทางการเงิน (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ หรือการขึ้นภาษีและปรับลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2556
ปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบียในเดือน ก.ย. 55 ลดลง 0.029 ล้านบาร์เรลต่อวัน (M-O-M) อยู่ที่ระดับ 9.735 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- อิสราเอลส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตีกลุ่มปาเลสไตน์หัวรุนแรงหรือกลุ่มฮามาสในบริเวณฉนวนกาซ่าหลังจากที่กลุ่มกบฏฮามาสยิงขีปนาวุธลงเมืองกุซ ดาน ซึ่งห่างจากเมืองหลวงของอิสราเอลเพียงเล็กน้อย ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นการโจมตีที่สามารถเข้ามาใกล้เมืองหลวงมากที่สุด อิสราเอลโจมตีตอบโต้ภาคพื้นดินบริเวณที่เก็บจรวดของกลุ่มฮามาส ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นหลังจากล่าสุดอิสราเอลใช้กำลังทางอากาศโจมตีฉนวนกาซากว่า 800 จุด ทำลายที่มั่นของกลุ่ม ฮามาส นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลระดมทหารกองหนุนกว่า 40,000 นาย เสริมทหารประจำการที่มี 175,000 นาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางบกกวาดล้างกลุ่มฮามาส ในขณะที่ประธานาธิบดีอียิปต์เตือนอิสราเอลให้ระงับการใช้กำลังทหาร
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นโดยอิสราเอลใช้กำลังทางอากาศโจมตีฉนวนกาซากว่า 800 จุด ทำลายที่มั่นของกลุ่มฮามาส นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลระดมเพิ่มทหารกองหนุนกว่า 40,000 นาย เตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางบกกวาดล้างกลุ่มปาไลสไตน์หัวรุนแรง ขณะที่ประธานาธิบดีอียิปต์เตือนอิสราเอลให้ระงับการใช้กำลังทหาร ด้านปัจจัยพื้นฐานมีอุบัติเหตุที่แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของบริษัท Black Elk ในอ่าวเม็กซิโกมีพนักงานสูญหาย 2 ราย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นเพราะนักลงทุนวิตกเรื่องน้ำมันรั่วไหล อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางโดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปัญหาทางการคลังและหน้าผาทางการเงิน (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ และปริมาณการผลิตน้ำมันรวมทั้งสำรองอยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยสำคัญกดดันราคาน้ำมันดิบ ล่าสุดรัฐมนตรีน้ำมันอิหร่านแสดงความพึงพอใจต่อราคาน้ำมันดิบปัจจุบันและระบุราคาน้ำมันที่เหมาะสมอยู่ที่ 100-108 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ให้จับตาการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่รุนแรงขึ้นและหากการเจรจาหยุดยิงไม่ลุล่วง อิสราเอลเคลื่อนกำลังทหารเข้าฉนวนกาซาจะทำให้ความขัดแย้งกระทบความมั่นคงของตะวันออกกลาง คาดว่าสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI เคลื่อนไหวที่ระดับ 108.25-113.1 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และ 85-89.82 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ตามลำดับ