กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ. ดีเอ็นเอ 2002 ผู้จำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ประเภทภาพยนตร์ เพลง ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางร้านค้าปลีกที่มีสาขากว่า 1,432 สาขา เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้นภายในปลายปีนี้ โดยมี ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมแต่งตั้ง บล.คันทรี่กรุ๊ป เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ
นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ (Mr.Samart Chuasiriphattana, Managing Director) บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ประเภทภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เปิดเผยความคืบหน้าในการนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ล่าสุด บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ (Home Entertainment) ได้แก่ ภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ในรูปแบบบลูเรย์ ดีวีดี วีซีดี และซีดี และสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน และพ็อกเก็ตบุ๊ก โดยสินค้าประเภทภาพยนตร์และเพลงถือเป็นสินค้าหลักของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของรายได้รวม
กรรมการผู้จัดการ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าเป็นกลยุทธ์หลักในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากด้วยสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ เป็นสื่อเพื่อความบันเทิงในครอบครัว ดังนั้น การกระจายจุดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างนั้น จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของกลุ่มบริษัทฯเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อการขยายตัวและการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 1,432 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
“กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ จะเป็นลูกค้าบุคคลทั่วไปที่นิยมรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงที่บ้านมากกว่าเข้าชมในโรงภาพยนตร์ หรือนิยมซื้อผลงานเพื่อเก็บสะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยทำงานขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่นิยมความคล่องตัวในการรับชมและรับฟังงานภาพยนตร์และเพลง ทำให้นิยมซื้อแผ่นภาพยนตร์และเพลงมากกว่าการดาวน์โหลดทางอินเตอร์เน็ต โดยบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่าย 2 รูปแบบ ได้แก่ การขายปลีก ซึ่งมีร้าน DNA ในห้างสรรพสินค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ทั่วประเทศรวม 365 สาขา รวมถึงร้านค้าฝากขายในร้านสะดวกซื้อต่างๆ เช่นโลตัส บิ๊กซี จำนวน 1,067 แห่ง และการขายส่ง (Wholesale) ให้กับเซเว่น อีเลฟเว่น บีทูเอส แมงป่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจสื่อโฆษณาและบันเทิง เป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท ดีเอ็นเอ เรฟโวลูชั่น จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนชำระแล้วอีกด้วย” นายสามารถกล่าว
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ (Mr. Vorachart Tuaychareon, Managing Director) บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย
โดย บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 มีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท หรือ 640 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นทุนชำระแล้ว 120 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ และคาดว่าจะสามารถขายหุ้น IPO รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปลายปีนี้
ขณะที่ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (Mr. Prasit Srisuwan, Ph.D.CEO and President) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน นอกจากการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งร้านค้าปลีกและจุดจำหน่ายกว่า 1,432 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทฯยังเน้นทำเลที่ตั้งของร้านค้าที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
“นอกจากนี้ ยังมีเรื่องขนาดพื้นที่ร้านค้าที่เหมาะสม รวมถึงสินค้าที่หลากหลายทั้งแผ่นภาพยนตร์ เพลง และสิ่งพิมพ์ โดยแผ่นภาพยนตร์มีหลายประเภททั้ง VCD DVD Blu-ray การขยาย Product life cycle โดยการผลิตเป็นแผ่นภาพยนตร์ All-in-one หลายเรื่องในแผ่นเดียว และระบบการบริหารจัดการที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการบริหารการขาย สินค้าคงคลังและบัญชี ทำให้ข้อมูลที่อัพเดทแบบ Real-time สามารถนำมาวิเคราะห์ทางการบริหารได้และในอนาคต บริษัทฯยังได้ขยายสาขาไปกับห้างเทสโก้ โลตัสที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 10 สาขา ”ดร.ประสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 บริษัทฯ มีรายได้รวม 750.86 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 952.13 ล้านบาทในปี 2553 และในปี 2554 รายได้รวมอยู่ที่ 1,112.37 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 1,014.93 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ
บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ในรูปแบบร้านค้าปลีก โดยวางจำหน่ายสินค้าประเภทภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ในรูปแบบบลูเรย์ ดีวีดี วีซีดีและซีดี รวมถึงสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ เช่นหนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน และพ็อกเก็ตบุ๊ค ภายใต้ช่องทางขายร้านค้าปลีกของบริษัทฯ และร้านค้าร่วมบริการอยู่ในห้างค้าปลีกที่มีมากกว่า 1,432 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ในรูปแบบร้านค้าปลีกที่มีช่องทางขายมากเป็นอันดับ 2 ของตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
********************************
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า)
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ในนาม บมจ.ดีเอ็นเอ 2002)
โทร. 02-612-2081 ต่อ 129 หรือ 08-6884-4458 E-mail : orn_tabo@hotmail.com
ข่าวประชาสัมพันธ์ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2555
“ดีเอ็นเอ 2002” เดินหน้าเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ปลายปีนี้
แต่งตั้ง บล.คันทรี่ กรุ๊ป แกนนำขาย IPO 160 ล้านหุ้น
บมจ. ดีเอ็นเอ 2002 ผู้จำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ประเภทภาพยนตร์ เพลง ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางร้านค้าปลีกที่มีสาขากว่า 1,432 สาขา เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้นภายในปลายปีนี้ โดยมี ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมแต่งตั้ง บล.คันทรี่กรุ๊ป เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ
นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ (Mr.Samart Chuasiriphattana, Managing Director) บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ประเภทภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เปิดเผยความคืบหน้าในการนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ล่าสุด บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ (Home Entertainment) ได้แก่ ภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ในรูปแบบบลูเรย์ ดีวีดี วีซีดี และซีดี และสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน และพ็อกเก็ตบุ๊ก โดยสินค้าประเภทภาพยนตร์และเพลงถือเป็นสินค้าหลักของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของรายได้รวม
กรรมการผู้จัดการ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าเป็นกลยุทธ์หลักในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากด้วยสินค้าของกลุ่มบริษัทฯ เป็นสื่อเพื่อความบันเทิงในครอบครัว ดังนั้น การกระจายจุดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างนั้น จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของกลุ่มบริษัทฯเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อการขยายตัวและการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 1,432 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
“กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ จะเป็นลูกค้าบุคคลทั่วไปที่นิยมรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงที่บ้านมากกว่าเข้าชมในโรงภาพยนตร์ หรือนิยมซื้อผลงานเพื่อเก็บสะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยทำงานขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่นิยมความคล่องตัวในการรับชมและรับฟังงานภาพยนตร์และเพลง ทำให้นิยมซื้อแผ่นภาพยนตร์และเพลงมากกว่าการดาวน์โหลดทางอินเตอร์เน็ต โดยบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่าย 2 รูปแบบ ได้แก่ การขายปลีก ซึ่งมีร้าน DNA ในห้างสรรพสินค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ทั่วประเทศรวม 365 สาขา รวมถึงร้านค้าฝากขายในร้านสะดวกซื้อต่างๆ เช่นโลตัส บิ๊กซี จำนวน 1,067 แห่ง และการขายส่ง (Wholesale) ให้กับเซเว่น อีเลฟเว่น บีทูเอส แมงป่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจสื่อโฆษณาและ
บันเทิง เป็นการดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท ดีเอ็นเอ เรฟโวลูชั่น จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนชำระแล้วอีกด้วย” นายสามารถกล่าว
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ (Mr. Vorachart Tuaychareon, Managing Director) บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย
โดย บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 มีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท หรือ 640 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นทุนชำระแล้ว 120 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ และคาดว่าจะสามารถขายหุ้น IPO รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปลายปีนี้
ขณะที่ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (Mr. Prasit Srisuwan, Ph.D.
CEO and President) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากบริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน นอกจากการขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งร้านค้าปลีกและจุดจำหน่ายกว่า 1,432 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทฯยังเน้นทำเลที่ตั้งของร้านค้าที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
“นอกจากนี้ ยังมีเรื่องขนาดพื้นที่ร้านค้าที่เหมาะสม รวมถึงสินค้าที่หลากหลายทั้งแผ่นภาพยนตร์ เพลง และสิ่งพิมพ์ โดยแผ่นภาพยนตร์มีหลายประเภททั้ง VCD DVD Blu-ray การขยาย Product life cycle โดยการผลิตเป็นแผ่นภาพยนตร์ All-in-one หลายเรื่องในแผ่นเดียว และระบบการบริหารจัดการที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการบริหารการขาย สินค้าคงคลังและบัญชี ทำให้ข้อมูลที่อัพเดทแบบ Real-time สามารถนำมาวิเคราะห์ทางการบริหารได้และในอนาคต บริษัทฯยังได้ขยายสาขาไปกับห้างเทสโก้ โลตัสที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 10 สาขา ”ดร.ประสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 บริษัทฯ มีรายได้รวม 750.86 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 952.13 ล้านบาทในปี 2553 และในปี 2554 รายได้รวมอยู่ที่ 1,112.37 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 1,014.93 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทฯ
บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ในรูปแบบร้านค้าปลีก โดยวางจำหน่ายสินค้าประเภทภาพยนตร์ เพลง ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ในรูปแบบบลูเรย์ ดีวีดี วีซีดีและซีดี รวมถึงสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ เช่นหนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน และพ็อกเก็ตบุ๊ค ภายใต้ช่องทางขายร้านค้าปลีกของบริษัทฯ และร้านค้าร่วมบริการอยู่ในห้างค้าปลีกที่มีมากกว่า 1,432 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำในการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ในรูปแบบร้านค้าปลีกที่มีช่องทางขายมากเป็นอันดับ 2 ของตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า)
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ในนาม บมจ.ดีเอ็นเอ 2002)
โทร. 02-612-2081 ต่อ 129 E-mail : orn_tabo@hotmail.com