“รีไฟน์ ควอลิตี้ ลิฟวิ่ง” เหนือระดับทุกขั้นตอนการก่อสร้าง แนวคิดล้ำเทรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ โดย “เกษร พร็อพเพอร์ตี้”

ข่าวอสังหา Wednesday November 21, 2012 11:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--เวิรฟ การวางแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ส่วนใหญ่พิจารณาจากการได้รับข่าวสารของโครงการผ่านสื่อในด้านต่างๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อออน์ไลน์ หรือการออกโรดโชว์ตามอีเวนท์ต่างๆ เพื่อรับทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการ อาทิ “ราคา” ที่สมเหตุสมผล ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบแมสทรานซิส และบริการหลังการขาย หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งชื่อเสียงของแบรนด์ โปรโมชั่น หรือระบบการเงินและไฟแนนซ์ เป็นต้น ซึ่งความเป็นจริงต้องคำนึงถึงรายละเอียดเชิงลึก อาทิ ขั้นตอนการก่อสร้าง การควบคุมงานก่อสร้าง คุณภาพของวัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้ดำเนินการก่อสร้าง เป็นต้น เพราะรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเหล่านี้อาจส่งผลโดยตรงต่อการอยู่อาศัยจริงในระยะยาว นายฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตลาดระดับลักชัวรี่ซึ่งเติบโตต่อเนื่องประมาณ 6-7% บริเวณย่านใจกลางเมือง และบริเวณรอบนอกเติบโตประมาณ 11% ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ตลาดระดับลักชัวรี่เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะการที่แบรนด์ต่างๆ ทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร รวมทั้งผู้บริโภคใส่ใจในรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น อาทิ คุณภาพของแมทีเรียล ขั้นตอนและการตวจเช็ค หรือเทคโนโลยีการก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างทุกขั้นตอนทั้งความใส่ใจในรายละเอียดและกระบวนการในการก่อสร้าง เพื่อตอบสนองคุณภาพในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือที่เรียกว่า “รีไฟน์ ควอลิตี้ ลิฟวิ่ง — Refine Quality Living” ซึ่งนับเป็นแนวคิดรูปแบบใหม่ในการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ซึ่งให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการเป็นหลัก อาทิ ฟังก์ชั่นการออกแบบที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์เพื่อเพิ่มความสุขให้กับผู้อาศัย รวมถึงวัสดุที่ใช้ก็ล้วนแต่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมทั้งสิ้น อีกทั้งการดำเนินการก่อสร้างอยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ (QA & QC) โดยวิศวกรที่มีความชำนาญการทุกขั้นตอน พร้อมกันนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมาร่วมใช้ในการก่อสร้างเพื่อเพิ่มความแม่นยำและให้ได้คุณภาพงานตามมาตรฐานระดับสากล นอกจากนี้ยังใส่ใจในรายละเอียดและความสุขของชุมชนในบริเวณใกล้เคียง อาทิ บ้านที่อยู่ใกล้บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการ การสัญจรบริเวณหน้าโครงการ ต้องไม่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง สร้างฐานรากด้วยความใส่ใจในผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน การก่อสร้างฐานรากของโครงการอสังหาริมทรัพย์นับว่ามีความสำคัญเปรียบดั่งรากแก้วของทั้งโครงการ เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญด้านความแข็งแรงของตัวอาคารในระยะยาว โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ที่ดีไซน์ในสไตล์ “Spacious Living” เน้นคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยโดยให้สเปซของห้องแต่ละยูนิตที่มีความกว้างขวาง ไม่แออัด และไร้สิ่งรบกวนจากภายนอก ยิ่งจำเป็นต้องมีพื้นฐานของโครงการที่แข็งแรง เพื่อวางองค์ประกอบของห้องให้สามารถจัดสัดส่วนได้เต็มที่ แต่ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างฐานรากได้นั้น จำเป็นต้องจัดทำระบบป้องกันดินพังทลาย (Soil Protection System) เพื่อป้องกันการทรุดตัวของบ้านข้างเคียงอันเกิดจากการเคลื่อนตัวของมวลดินที่อยู่ใต้สิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำระบบป้องกันดินพังทลายอยู่หลากหลาย แต่โครงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดตามมาตรฐานสากล คือ “Silent Piler” โดยนับเป็นเครื่องจักรกลที่ไม่ก่อให้เกิดเสียงดังและมีแรงสั่นสะเทือนต่ำในขณะทำการกดหรือรื้อถอน “Sheet Pile”(แผ่นเหล็กพืดกันดินพังทลาย) นอกจากนี้ เมื่อถึงช่วงที่ทำการรื้อถอน Sheet pileออก ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก ทางโครงการยังใช้นวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า “Cement Bentonite Grouting” หรือการฉีดอัดสารละลาย “Cement Bentonite” เพื่ออุดช่องว่างของดินโดยรอบโครงการขณะทำการถอน Sheet Pile”ด้วย Silent Piler โดยวิธีการดังกล่าวสามารถป้องกันการทรุดตัวของพื้นที่ข้างเคียงได้ในระดับที่ดีมาก นอกจากนี้ยังได้มีการออกแบบโครงสร้างอาคารที่ได้มาตรฐานการคำนวณแรงต้านหรือแรงสั่นสะเทือนในกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวตามมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวอีกด้วย แก้ปัญหาน้ำซึมระหว่างชั้นซึ่งกวนใจในระยะยาว ปัญหาการรั่วซึมของน้ำจากพื้นชั้นบนลงสู่ชั้นล่าง ส่งผลกระทบให้ห้องชั้นล่างต้องทำการรื้อฝาเพดานอยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการซึมผ่านของน้ำบริเวณรอบท่องานระบบสุขาภิบาลและประปา ที่ติดตั้งภายในพื้นโครงสร้าง ทั้งนี้โครงการได้เตรียมแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้แล้ว โดยเพิ่มเติม flashing หรือแผ่นปิดรอบท่อโดยอาศัยระบบเชื่อมติดกับท่อตามมาตรฐานสากล เพื่อให้แผ่น flashing ทำหน้าที่กันน้ำซึมรอบท่อในแนวดิ่งจากชั้นบนลงสู่ชั้นล่าง โดยเมื่อดำเนินการเทคอนกรีตพื้นโครงสร้าง “Post Tension Slab” คอนกรีตดังกล่าวก็จะปิดทับแผ่น flashing โดยรอบเสมือนว่าแผ่น flashing เป็นเนื้อเดียวกันกับคอนกรีต จึงช่วยแก้ปัญหาการซึมผ่านของน้ำในแนวดิ่งได้ดี ห้องเย็นสบาย และประหยัดพลังงาน ความร้อนภายในที่อยู่อาศัยแต่ละห้องมักเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้อยู่อาศัยเป็นประจำ ซึ่งการติดเครื่องปรับอากาศหรือเพิ่มช่องระบายอากาศก็เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความร้อนให้เบาบางลง แต่มิได้ลดระดับการสิ้นเปลืองพลังงาน ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันต้องอาศัยนวัตกรรมของวัสดุ ที่สามารถป้องกันความร้อนได้ดีรวมทั้งช่วยประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง โดยโครงการได้มีการป้องกันความร้อนส่วนบนสุดของอาคารด้วย “Metal Sheet” พร้อมติดตั้งฉนวนกันความร้อนชนิด PE Foam ใต้แผ่น Metal sheet แบบสำเร็จรูป ซึ่งฉนวนดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สามารถลดและสะท้อนความร้อนจากแสงแดดได้ดี อีกทั้งยังดูดซับเสียงในกรณีฝนตกกระทบกับแผ่น Metal Sheet ได้ดีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังติดตั้งฉนวนกันความร้อนชนิด Micro fiber เหนือฝ้าเพดานของห้องพักชั้นบนสุดอีกด้วย ซึ่งนับเป็นการป้องกันความร้อนในลักษณะทวีคูณ นอกจากนี้ยังใช้ ”Liquid membrane” ซึ่งเป็นวัสดุโพลิเมอร์ทีมีคุณสมบัติหลักในป้องกันการรั่วซึมของน้ำ แต่มีคุณสมบัติเสริม คือ ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ สามารถสะท้อนรังสียูวีและรังสีความร้อนได้มากกว่า 80% ในบริเวณชั้นดาดฟ้าอาคารซึ่งอยู่ใต้หลังคา Metal Sheet ระเบียง ห้องน้ำ ทำให้ห้องเย็นสบายและช่วยประหยัดพลังงาน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ส่วนตัวอย่างเต็มที่ด้วยผนัง 2 ชั้นป้องกันเสียงรบกวน คอนโดมิเนียมเปรียบเสมือนพื้นที่ส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยที่สามารถสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ในรูปแบบต่างๆ ตามความชื่นชอบ โดยหลายคนมักมีความกังวลเกี่ยวกับเสียงดังของโทรทัศน์ หรือโฮมเธียเตอร์เวลาดูหนังจะรบกวนเพื่อนบ้าน ซึ่งการก่อสร้างโครงการรูปแบบใหม่ได้คำนึงและใส่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัว จึงได้พัฒนารูปแบบการก่อผนังที่เรียกว่า “Double Half brick wall” คือ การก่ออิฐตามความยาวของผนังถึง 2 ชั้นเต็มหน้าเสาและเว้นช่องตรงกลาง โดยปกติจะก่อผนังเพียงชั้นเดียวที่ผนังกั้นระหว่างห้อง ซึ่งการก่ออิฐในลักษณะดังกล่าว ช่องว่างตรงกลางจะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนและเก็บเสียงได้ดี ทำให้คุณสามารถทำกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยที่จะไม่รบกวนเพื่อนบ้าน นอกจากจะเพิ่มความสามารถในการเก็บเสียงแล้ว การก่อผนัง2 ชั้นเต็มหน้าเสาลักษณะนี้ เมื่อฉาบปูนจะไม่เห็นมุมเสาทำให้ผนังห้องดูเรียบร้อยสวยงามง่ายต่อการตกแต่ง และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งไปกว่านั้นส่วนบนสุดของผนังซึ่งติดกับท้องพื้นโครงสร้างยังติดตั้งวัสดุยืดหยุ่น เช่น โฟม พร้อมกับการก่ออิฐในแนวทแยง เพื่อลดปัญหาการแตกร้าวของพื้นผิวผนังที่ฉาบปูนแล้ว อันเกิดจากการให้ตัว (Flexible) ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของพื้นโครงสร้างระบบ Post Tension Slab พร้อมกันนี้ที่ผนังกั้นระหว่างห้องซึ่งเป็นผนัง 2 ชั้นยังมีการฝังท่อพีวีซี PVC ที่ส่วนบนสุดของผนัง โดยติดตั้งที่ผนัง1 ด้านเท่านั้นสำหรับระบายความร้อนและป้องกันการแตกร้าวของพื้นผิวผนังฉาบจากความต่างระหว่างอุณหภูมิภายในช่องว่างตรงกลางของผนัง 2 ชั้นกับอุณหภูมิภายในห้อง มั่นใจน้ำไม่ท่วม ด้วยระบบป้องกันอุทกภัยอันทันสมัย ปัจจุบันความกังวลใจเกี่ยวกับน้ำท่วมนับเป็นปัจจัยส่งเสริมให้แต่ละโครงการใส่ใจเรื่องประตูระบายน้ำและระบบหมุนเวียนน้ำภายในอาคารมากขึ้น ซึ่งคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ได้มีการพัฒนาและวางแผนเกี่ยวกับระบบเพื่อการป้องกันน้ำท่วม อาทิ ระบบพนังกั้นน้ำ และประตูกั้นน้ำ “Sluice Valve” ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันน้ำจากภายนอกเข้าภายในอาคาร หรือผลักดันน้ำภายในโครงการออกสู่ภายนอก โดยมีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติและสามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งในกรณีที่น้ำไหลย้อนเข้าโครงการ ประตูน้ำจะปิดทันทีด้วยระบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันน้ำจากท่อระบายน้ำไหลย้อนเข้ามาภายในบริเวณโครงการฯ หรือในกรณีเหตุการณ์น้ำท่วมขังบริเวณพื้นผิวถนน น้ำท่วมเต็ม ท่อระบายน้ำ ระบบนี้จะทำให้ระบบน้ำประปา ระบบกำจัดสิ่งปฏิกูล และการระบายน้ำภายในโครงการฯ สามารถใช้การได้ตามปกติ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความมั่นใจด้วยการใช้ “Sheet Membrane” เชื่อมติดกันบริเวณใต้พื้นชั้นใต้ดินของโครงการ เพื่อป้องกันการซึมผ่านของน้ำใต้ดินเข้าสู่ตัวอาคาร อีกทั้งบริเวณผนังชั้นใต้ดินก็มีการติดตั้ง Sheet Membrane เช่นกัน โดยก่ออิฐปิดทับอีกชั้นเพื่อป้องกันการฉีกขาดหรือรอยถลอก พบคอนโดมิเนียม “MODE — โหมด สุขุมวิท 61” ที่สุดแห่งเดสทิเนชั่นส์ และการอยู่อาศัยแบบ “Refine Quality Living” ได้ที่โชว์รูม MODE — โหมด สุขุมวิท 61 คอนโดมิเนียม คอมมูนิตี้ มอลล์ พาร์คเลน เอกมัย หรือ โทร. 02-612-5959

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ