ไอวีแอลมองบวกในปี 2555 กำไรเพิ่ม 17% จากไตรมาส 2/2555

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 22, 2012 11:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--อินโดรามา เวเนเจอร์ส บริษัท อินโดรามา เวเนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลก ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2555 กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 122 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 105 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2555 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 39 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 50 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้รวม 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 ปี 2554 แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2555 ในขณะที่ผลการดำเนินงานรวมเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนมีการปรับตัวดีขึ้นแต่มีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2554 สะท้อนสภาพชะลอตัวในเอเชียและยุโรป ในขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสต่อไตรมาสเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของไอวีแอลในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจระดับโลก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า ทำให้สามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับคงที่ บริษัทฯยังคงมองว่า กำไรในเอเชียจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีน ซึ่งจะยังคงอยู่ในระดับนี้ในอีกหลายไตรมาส กำไร PTA ในเอเชียที่ลดต่ำลงเป็นผลมาจากกำลังการผลิตที่มากเกิน ตรงกันข้าม ธุรกิจ MEG, PET และโพลีเอสเตอร์ในอเมริกาเหนือมีผลการดำเนินงานที่ดี เนื่องจากพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่ธุรกิจในยุโรปมีการอ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ ตลาดในอเมริกาเหนือคิดเป็นร้อยละ 40 ของรายได้จากการขายรวม 5.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับงวดเก้าเดือน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2555 “ไอวีแอลยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจเราคาดว่าอุตสาหกรรมจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในปี2556 และเราต้องการรักษาความได้เปรียบและการเป็นผู้นำด้านต้นทุนที่มุ่งเน้นการผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น” นายโลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว “เราเข้าซื้อธุรกิจมากมายในปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยในการควบรวมอุตสาหกรรมและปรับปรุงผลกำไร ทีมผู้บริหารของเรามุ่งเน้นการจัดสรรรายจ่ายฝ่ายทุนในโครงการที่มีโอกาสในการทำกำไรสูง ซึ่งเราสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจตลอดทั้งวงจร” “บริษัทฯ อนุมัติหลายโครงการ รวมถึงโครงการขยายโรงงาน PET ในอเมริกาเหนือ โดยมีกำลังการผลิต 540,000 ตันต่อปีเมื่อเริ่มดำเนินการในปี 2558 ในขณะที่การขยายกำลังการผลิตโรงงานที่ร็อตเตอร์ดัมในยุโรปจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปี 2555 ตามมาด้วยโครงการปรับปรุงกำลังการผลิต PTA เป็น 600,000 ตันต่อปีในโรงงานแห่งเดียวกันภายในปี 2558 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการปรับปรุงกำลังการผลิตของโรงงานในโปแลนด์ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากตลาดที่กำลังเติบโตและมีการควบรวมแบบเสมือนกับผู้ผลิต PTA ภายนอก ในส่วนของธุรกิจโพลีเอสเตอร์ โรงงานสำคัญในอินโดนีเซียจะเริ่มดำเนินงานในปี 2556 โดยมีกำลังการผลิต 300,000 ตัน ซึ่งนับว่ามีการเติบโตสูงสุดในอาเซียน” “การริเริ่มเชิงกลยุทธ์ของเราจะมุ่งเน้นการปรับปรุงผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ระดับโลก เราได้เห็นชัดเจนแล้วว่า กลยุทธ์ของเราสร้างคุณค่าแม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายโลเฮียกล่าว
แท็ก สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ