BEAUTY เคาะราคาไอพีโอ 7.5-8.5 บาท/หุ้น โชว์ผลประกอบการงวด 9 เดือนรายได้ 558.63 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 122.92 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 22, 2012 12:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--WorkLink BEAUTY เคาะราคาไอพีโอ 7.5-8.5 บาท/หุ้น โชว์ผลประกอบการงวด 9 เดือนรายได้ 558.63 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 122.92 ล้านบาท เล็งเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ฯปลายปีนี้ มั่นใจไอพีโอกระแสตอบรับดี นักลงทุนเชื่อมั่นธุรกิจ ผลประกอบการโดดเด่น โอกาสเติบโตสูง นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน)(BEAUTY) ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามประเภทเครื่องสำอางและบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 82.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 80 ล้านหุ้น เสนอขายผู้บริหาร พนักงานจำนวน 2.5 ล้านหุ้น โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายไว้ที่ 7.50-8.50 บาท ซึ่งจะทำการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายได้ภายในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ โดยวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้สำหรับการขยายสาขาร้าน BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE เพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมทั้งปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เช่น ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน การขยายคลังสินค้า และเพื่อนำไปใช้ในการรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงต่อจากนี้ และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อไปถึงผลการดำเนินงานของ BEAUTY งวด 9 เดือนปีนี้ ว่า บริษัทมีรายได้เติบโตมากขึ้นจากการขยายสาขาของร้าน BEAUTY BUFFET ปัจจุบันมีจำนวน 133 สาขา และ BEAUTY COTTAGE ปัจจุบันมีจำนวน 26 สาขา รวมทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว MADE IN NATURE ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 558.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.95% และมีกำไรสุทธิ 122.92 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 22% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 71.27% อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาของร้าน BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 56 ตั้งเป้าขยายสาขาทั่วประเทศของ BEAUTY BUFFET จำนวน 180 สาขา และ BEAUTY COTTAGE จำนวน 50 สาขา ขณะที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว MADE IN NATURE จะมีการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และโมเดิร์นเทรดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ทำการนับ 1 หรือตอบรับแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนของ BEAUTY ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2555 นอกจากนี้คาดว่า BEAUTY จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งในช่วงการเสนอขายน่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากนักลงทุนทั่วประเทศเช่นกัน เนื่องจาก BEAUTY เป็นบริษัทที่มีการเติบโตค่อนข้างโดดเด่น ทั้งในส่วนของผลการดำเนินงาน อัตราการทำกำไร ตลอดจนการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของกลุ่มผู้ใช้ ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทมีการขยายสาขาร้านค้าปลีกออกไปอย่างต่อเนื่อง และมีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง ขณะที่มูลค่าตลาดเครื่องสำอางในประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ต่อปี ปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในปัจจุบันแล้ว ยังช่วยสนับสนุนให้บริษัทเกิดโอกาสในการขยายธุรกิจออกไปได้อย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในและต่างประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ