กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--Save Mes Aynak
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งอารยธรรม ‘เมส อาแน็ค’ว่า
“มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่มีการค้นพบแหล่งอารยธรรมเก่าแก่อายุ 5,000กว่าปี ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นมรดกทางอารยธรรมของประเทศอัฟกานิสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางอารยธรรมของโลกอีกด้วย” จึงขอวอนให้รัฐบาลอัฟกานิสถาน ฟังกระแสของชาวโลก ซึ่งต้องการปกป้องมรดกของโลก ‘เมส อาแน็ค’
การที่รัฐบาลอัฟกานิสถานมองเห็นถึงผลประโยชน์จากตัวเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของชาวโลกในระยะยาวนับว่าเป็นมูลค่าที่เล็กน้อยมาก เนื่องจากมรดกหรืออารยธรรมของโลกนั้น มีความเกี่ยวโยงกันและมีความสำคัญต่อทุกประเทศในโลก และไม่สามารถประเมินค่าด้วยตัวเงินได้
อนึ่ง กลุ่มเอสม่าไทย(Save mes Aynak Thailand) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของเยาวชนที่ไม่ต้องการให้เกิดการทำลายแหล่ง อารยธรรมดังกล่าว ได้จัดกิจกรรมต่างๆเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันแสดงพลังคัดค้านการทำลายแหล่งอารย-ธรรมอันล้ำค่านี้ ร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลอัฟกานิสถานยุติการเปลี่ยนแหล่งอารยธรรม ‘เมส อาแน็ค’แห่งนี้ไปเป็นเหมืองทองแดง และได้ร่วมขบวนการล่ารายชื่อผู้ที่สนใจคัดค้าน 50,000รายชื่อส่งต่อองค์การยูเนสโก
“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศอัฟกานิสถานเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของมวลมนุษยชาติ พวกเราทุกคนต้องช่วยกันปกป้องแหล่งอารยธรรม ‘เมส อาแน็ค’ ให้คงอยู่เป็นสถานที่ศึกษาประวัติศาสตร์ แหล่งเรียนรู้ความเป็นมาของมนุษย์ ถ้าปล่อยให้ถูกทำลายหรือสูญสลายไป จะไม่สามารถหากลับคืนมาใหม่ได้” หนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเอสม่าไทยกล่าว
สนใจข้อมูล ‘เมส อาแน็ค’ เพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ใน http://www.facebook.com/SaveMesAynakTH และ
http://www.youtube.com/watch?v=animSnwawVo&feature=youtu.beการทำลาย Mes Aynak เท่ากับการทำลายอารยธรรมโลก
Mes Aynak เป็น อดีตเมืองโบราณแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถานที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยยุคทองแดงเมื่อ 5,000 ปีก่อน และยังเป็นแหล่งแร่ทองแดงขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ Mes Aynak ยังตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมอันเป็นศูนย์กลางระหว่างชาติสำหรับพ่อค้าและนักแสวงบุญจากทั่วเอเชีย
ภายใน Mes Aynak มีพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 253 ไร่ ที่เป็นพุทธสถาน หรือ วัดพุทธโบราณขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของสถูปเจดีย์ และพระพุทธรูปขนาดใหญ่หลายพันองค์ที่หลงเหลือจากการทำลายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายตาลีบัน แต่น่าเสียดายที่ Mes Aynak กลับไม่รับการคุ้มครองให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO
เมื่อปี 2550 รัฐบาลอัฟกานิสถานให้สัมปทานการเช่าที่พื้นที่ 30 ปีแก่บริษัททุนยักษ์ใหญ่ของจีน ชื่อว่า MCC หรือ China Metallurgical Group Corporation โดยอัฟกานิสถานจะได้รับเงินจากการสัมปทานครั้งนี้ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนบริษัท MMC นั้นคาดว่าจะสร้างรายได้จากทองแดงที่ขุดเจาะได้นับ 100,000 ล้านดอลลาร์
ในปี 2552 ได้มีการกดดันจากนานานาชาติ บริษัทMMC ซึ่งอ้างว่าไม่เคยรับทราบเรื่องโบราณสถานนี้มาก่อน จึงให้เวลานักโบราณคดี 3 ปีเพื่อขุดค้น ซึ่งจริงๆแล้วต้องใช้เวลาถึง 30 ปีจึงจะสามารถสำรวจได้หมดและในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นี้ ก็คือวันสิ้นสุดในการสำรวจและขุดย้ายให้เสร็จสิ้น หลังจากนั้น บริษัท MMC มีสิทธิสามารถทำการขุดเจาะให้กลายเป็นเหมืองทองแดงได้นั่นแสดงว่า Mes Aynak ซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรมอันล้ำค่า กำลังจะเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ!!
Save Mes Aynak , Save World History!!!