กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,731 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,731 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.73 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,100บาท กับ 25,200 บาท และกลับมาปิดที่ 25,100 บาท กับ 25,200 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 911 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 3,060 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 83 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2% แบบ 10 บาท ลดลง 2 % Silver Futures ลดลง 3% GFZ12 ปิด 25,370 บาท และ GFG12 ปิด 25,510 บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,380 บาท GF10G12 ปิดที่ 25,510 บาท SVZ12 ปิดที่ 1031 บาท
ข่าวที่สำคัญ
TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC
ราคาทองคำในตลาดลอนดอนปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนที่แสดงให้เห็นถึงภาคการผลิตของจีนออกมาดีขึ้น และมีความคาดหวังต่างๆ ที่ว่าข้อตกลงในเรื่องการช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซจะสามารถตกลงกันได้ในท้ายที่สุด ส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้นและสนับสนุนสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ โดยราคา Spot Gold ในตลาดลอนดอนปรับตัวสูงขึ้น 0.09% มาอยู่ที่ระดับ 1,730 เหรียญ/ออนซ์ ณ เวลา 01.55 น. ในขณะที่ราคาทองคำสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 0.08% ที่ระดับ 1,729.5 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ด้วยการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากเมื่อคืนตลาดนิวยอร์กปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
สกุลเงินยูโรฝ่าระดับที่สูงขึ้น และตลาดหุ้นทั่วโลกขยายการฟื้นตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ เนื่องจากผลสำรวจภาคผลิตของจีนและสหรัฐได้กระตุ้นความเชื่อมั่นมุมมองของการเติบโตของเศรษฐกิจ ในขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจจากยูโรโซนก็ไม่ได้ออกมาแย่อย่างที่หลายฝ่ายกังวล
รายงานระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนออกมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนที่ระดับ 50.4 ในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ข้อมูลจากยูโรโซนแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมภาคการผลิตของยูโรโซนชะลอตัวช้ากว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤศจิกายน
นายแดเนียล บรีซมานน์ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จากคอมเมิร์ซแบงก์ ในกรุงแฟรงเฟิร์ตกล่าวว่า ความน่าดึงดูดใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในการลงทุนได้ปกป้องตนเองจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
นายโอลี่ ฮันเซน รองประธานแซ็กโซ่ แบงก์ กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์จากจีนอาจเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับความต้องการจากจีน ซึ่งขณะนี้จีนกำลังแข่งขันกับอินเดียในการเป็นผู้บริโภคทองคำอันดับหนึ่งของโลกในปีนี้ และนอกจากนี้นายฮันเซนกล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีความเชื่อว่าจีนได้หลุดพ้นจากอุปสรรคต่างๆ แล้ว ก็อาจมีปริมาณความต้องการทองคำแท่งที่เพิ่มมากขึ้น
นายนิค บราวน์ นักวิเคราะห์จากนาทิซิส กล่าวว่า ดูเหมือนว่าตลาดทองคำจะมีการเคลื่อนไหวในทิศทาง Sideways ถ้าไม่มีข่าวใดใหม่ๆ ออกจากประเด็นเรื่อง Fiscal Cliff ของสหรัฐ ซึ่งเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีและตัดลดการใช้จ่ายมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดใช้ในต้นปีหน้าที่อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม หากมีทางแก้ไขที่ดีสำหรับประเด็น Fiscal Cliff อาจเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนจะนำเงินกลับไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ซึ่งนายบราวน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่จะสนับสนุนราคาทองคำก็คือ การที่สหรัฐเข้าสู่ภาวะ Fiscal Cliff เช่นเดียวกันกับยุโรป
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายเบน เบอร์นันเก ประธานเฟด ได้กล่าวย้ำเตือนว่า หากสหรัฐไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff ได้ นั่นหมายถึงความล้มเหลวอาจก่อให้เกิดภาวะถดถอยแก่เศรษฐกิจสหรัฐได้ และนายเบอร์นันเกยังกล่าวด้วยความกังวลเกี่ยวกับจะทำอย่างไรที่การเจรจาในเรื่องงบประมาณจะได้รับการแก้ไข ซึ่งตอนนี้ได้ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจแล้ว
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับปริมาณความต้องการในทองคำของอินเดียและจีน นักลงทุนต่างๆ ได้กล่าวว่า ปริมาณความต้องการของอินเดียและจีนได้สนับสนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา โดยนายรอส นอร์แมน หัวหน้าฝ่ายบริหารเทรดเดอร์กลุ่มโลหะมีค่า จากชาร์ปส์ พิกซ์เลย์ กล่าวว่า ปริมาณความต้องการทองคำแท่งของอินเดียมีปริมาณมากกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการภาษีเพื่อจำกัดการนำเข้าทองคำแท่งก็ตาม รวมไปถึงช่วงฤดูลมมรสุมที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าซื้อทองคำและผลกำไรของเกษตรกร อย่างไรก็ตาม นายนอร์แมนกล่าวว่า กำลังจะมีปริมาณการลงทุนในขา Longs ใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดเนื่องจากความต้องการทองคำแท่ง
เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากไอเอ็มเอฟ การที่ธนาคารกลางต่างๆ ได้เพิ่มการเข้าซื้อทองคำได้สนับสนุน sentiment ของตลาดเช่นกัน โดยธนาคารกลางของบราซิลเพิ่มการสำรองทองคำ 17.2 ตันในเดือนที่ผ่านมาสู่ระดับ 52.5 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2011 นอกจากนี้ธนาคารกลางของคาซัคสถานได้เพิ่มการสำรองทองคำ 7.5 ตัน ในขณะที่ธนาคารกลางของตุรกีเพิ่ม 17.5 ตัน และรัสเซียเพิ่ม 0.4 ตันในเดือนตุลาคม
ในเช้านี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย โดยมุ่งหน้าสู่การปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนต่างๆ เบนความสนใจมาที่ปัญหาทางการคลังของสหรัฐ
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า คนงานเหมืองสองรายเสียชีวิตในการปะทะกันระหว่างกลุ่มสหภาพแรงงานในแอฟริกาใต้ที่ฮาร์โมนี่
โกลด์เมื่อวานนี้
เมื่อวานนี้สเปนสามารถประมูลขายพันธบัตรได้ทั้งสิ้น 3.9 พันล้านยูโร โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับการประมูลครั้งก่อน จึงแสดงให้เห็นว่าสเปนได้เริ่มต้นแผนการระดมทุนของตนเองสำหรับงบประมาณปี 2013 ซึ่งสเปนต้องแบกรับภาระหนี้ภายในภูมิภาคต่างๆ และจะต้องดำเนินการลดยอดขาดดุลให้ได้ตามเป้าหมาย
ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ร่วมประชุมกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อคืนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับงบประมาณระยะเวลา 7 ปีของกลุ่มเศรษฐกิจยุโรปซึ่งประกอบด้วย 27 ชาติสมาชิก โดยล่าสุดความหวังในเรื่องข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณระยะยาวดูจะไม่สดใสนัก หลังจากมีการประนีประนอมกันระหว่างฝรั่งเศสและโปแลนด์ แต่มีการคัดค้านจากอังกฤษและเยอรมนีในเรื่องการตัดลดการใช้จ่ายโดยภาพรวม โดยนายเฮอร์มาน วาน รอมปุย ประธานสภายุโรป ได้ยินยอมต่อแรงกดดันจากฝรั่งเศสและโปแลนด์ ในขณะที่อังกฤษและเยอรมนีได้กล่าวว่า ข้อตกลงในเรื่องงบประมาณในสัปดาห์นี้ยังอยู่ห่างไกล
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากวัน Thanksgiving Day
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้
- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
- ประชุมผู้นำ 27 ชาติ EU ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม (วันที่ 2 )
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำอยู่ในช่วงการเคลื่อนตัวแบบ Sideways ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,725 — 1,733 เหรียญ ยังรอความชัดเจนในเรื่องของการแก้ปัญหาการเงินของกรีซและสเปน รวมไปถึงงบประมาณระยะยาวของกลุ่มสมาชิก 27 ประเทศในอียูจากการประชุมอียู ซัมมิท รวมทั้งคงต้องรอความชัดเจนจากสหรัฐอเมริการในการแก้ปัญหา Fiscal Cliff
Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,250 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,420 บาท
Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,400 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,600 บาท
Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,010 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,040 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)
เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ยังมองว่าโอกาสที่จะเป็นแนวโน้มขาขึ้นยังสูงกว่าที่จะปรับตัวลงมา
นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade)
ถือครอง Portfolio 50% รอจังหวะขายเมื่อราคาดีดตัว
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
ถือครอง Portfolio 60% รอจังหวะขายเมื่อราคาดีดตัวเช่นเดียวกัน แนวต้านสำคัญจะอยู่ที่บริเวณ 1,735 เหรียญ
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง