สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 22, 2012 10:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,727 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,724 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.69 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,050บาท กับ 25,100 บาท และกลับมาปิดที่ 25,000 บาท กับ 25,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 3,028 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 5,820 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 183 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 5% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 4 % Silver Futures เพิ่มขึ้น 3% GFZ12 ปิด 25,310 บาท และ GFG12 ปิด 25,450 บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,320 บาท GF10G12 ปิดที่ 25,450 บาท SVZ12 ปิดที่ 1019 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 4.6 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,728.2 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.35 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,342.19 ตัน ( ถือครองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 63 เซนต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 87.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 48.38 จุด ปิดที่ 12,836.89 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 52 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC ราคาทองคำในตลาดลอนดอนเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายก่อนที่ตลาดสหรัฐจะปิดทำการเฉลิมฉลองเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 22 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และจะเปิดทำการซื้อขายตามปกติในวันศุกร์ที่ 23 พ.ย. โดย ณ ขณะนี้นักลงทุนในตลาดต่างจับตาอย่างใกล้ชิดถึงสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและการเจรจาเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ในสหรัฐและยุโรป ภายหลังสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวสูงขึ้น 4.6 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,728.2 เหรียญ ด้วยปริมาณการซื้อขายเหนือระดับ 150,000 ล็อตเท่ากับค่าเฉลี่ย 30 วัน สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนหลังจาก IMF เปิดเผยว่า ธนาคารกลางของหลายประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบราซิล คาซัคสถาน และตุรกี ได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 40 ตันในเดือนต.ค. เพราะต้องการลดความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลของหลายประเทศประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ IMF คาดว่ายอดรวมการซื้อทองคำของประเทศกลุ่มนี้ในปี 2555 อาจจะพุ่งขึ้นเหนือระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 2554 ที่ 457 ตัน นักวิเคราะห์ของธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) คาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งไปจนถึงสิ้นปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพที่ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้ที่ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงอ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินในสหรัฐ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของซอคเจนคาดว่า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ระดับ 1,802 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาสแรกปีหน้า จากนั้นจะเคลื่อนไหวที่ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาส 2 และจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ความขัดแย้งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ในสภาคองเกรสสหรัฐเกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง หรือภาวะที่สหรัฐจะต้องดำเนินมาตรการปรับขึ้นภาษีควบคู่ไปกับการลดการใช้จ่ายโดยอัตโนมัติในช่วงต้นปีหน้านั้น จะกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกันมากขึ้น และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนราคาทองคำด้วยเช่นกัน แสตนดาร์ด แบงก์ กล่าวในรายงานว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,715 — 1,730 เหรียญ ซึ่งสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นลักษณะเดียวกัน แต่สินค้าโภคภัณฑ์อาจปรับตัวลดลงก่อนวันหยุดยาวของสหรัฐเนื่องจากนักลงทุนลดการลงทุนลง อย่างไรก็ตาม กรอบการลงทุนสำหรับทองคำก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์จะอยู่ในช่วงระหว่าง 1,705 — 1,735 เหรียญ โดยแสตนดาร์ด แบงก์เห็นว่าควรลงทุนในสถานะ Long ที่ระดับต่ำกว่า 1,700 เหรียญ สำหรับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย แตะที่ 410,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ นายวิลเลี่ยม อดัมส์ นักวิเคราะห์จากฟาสต์มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ตัวเลข Jobless Claims มีแนวโน้มปรับตัวลดลง แต่การที่ตัวเลขของสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นก็เป็นเพราะพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ โดยในสัปดาห์นี้ตัวเลข Jobless Claims ปรับตัวลดลงมาเหลือ 410,000 ราย ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 415,000 ราย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นไปในบางครั้งสู่ระดับก่อนเกิดพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ ทั้งนี้ ข้อมูลการจ้างงานเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นข้อมูลหลังจากที่ตลาดได้รับผลกระทบจากพายุแซนดี้แล้ว จะมีการเปิดเผยในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ มาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51.2 ในขณะที่ธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 82.7 ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 84.3 เมื่อเทรดเดอร์ต่างๆ ของสหรัฐกลับเข้าสู่ตลาด ความสนใจจะมุ่งมาที่ประเด็นภาวะ Fiscal Cliff อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนักลงทุนต้องการความคืบหน้าอย่างเด่นชัดในวันที่ 14 ธันวาคมก่อนช่วงเทศกาลวันคริสมาสต์ สภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะประนีประนอมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาในเรื่องการพัฒนาขอบข่ายงบประมาณใหม่เพื่อมาแทนที่ระบบ Fiscal Cliff อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะยังไม่มีข่าวสำคัญใหม่ๆ ประกาศออกมาในช่วงวันหยุดยาวของสหรัฐ ทางด้านยุโรป กลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซนล้มเหลวในการประชุมวันอังคารในการตกลงเรื่องเงินช่วยเหลือรอบถัดไปของกรีซเพื่อให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการล้มละลาย โดยกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะมีการประชุมใหม่อีกครั้งในวันจันทร์หน้า ซึ่งนายปิแอร์ มอสโควีซี รัฐมนตรีกระทรวงคลังฝรั่งเศสมั่นใจว่า กลุ่มเจ้าหนี้ของกรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการช่วยเหลือฉุกเฉินแก่กรีซได้ในการประชุมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 พ.ย.นี้ รวมไปถึงนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีก็ได้แสดงความเชื่อมั่นเช่นเดียวกันว่า รัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะสามารถตกลงกันได้ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซ ในการประชุมวันจันทร์ นายโมฮัมหมัด เอล อีเรียน จากพิมโก้ เขียนแสดงความคิดเห็นว่า แม้ว่าไอเอ็มเอฟจะมีทีท่าทีที่ชัดเจนและมั่นใจ แต่กลุ่มรัฐมนตรีคลังจากยุโรปก็ล้มเหลวอีกครั้ง ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาเองที่จะเป็นผู้ทำลายโอกาสของเงินช่วยเหลือรอบถัดไปของกรีซ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของประชาชนของตนเอง ประธานฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า ฟิทช์ จะมีการทบทวนอันดัน AAA ของฝรั่งเศสอีกครั้งในปีหน้า ซึ่งกล่าวภายหลังจากที่ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสลง นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยันว่า อิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาแล้ว ทั้งนี้ นายเนทันยาฮูได้กล่าวยืนยันว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ พร้อมให้คำมั่นว่า อิสราเอลได้ร่วมมือกับอียิปต์ในฐานะประเทศคนกลางในการทำข้อตกลงหยุดยิงในครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ในขณะเดียวกันทางด้านนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายมูฮัมหมัด อาเมอร์ รมว.ต่างประเทศของอียิปต์ ก็ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันเช่นเดียวกันว่า อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ทำข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 451K ตัวเลขจริงออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 410K - Flash Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 51.0 ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 52.4 - Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 84.9 ตัวเลขจริงออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ 82.7 - Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 1.1 M ตัวเลขจริงออกมาลดลงอยู่ที่ระดับ -1.5 M ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากวัน Thanksgiving Day วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำเริ่มทรงตัวได้บริเวณ 1,725 — 1,730 เหรียญ ซึ่งยังคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวในทิศทางขาขึ้นอย่างช้าๆ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,735 เหรียญ ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุ 1,735 เหรียญขึ้นไปได้ก็จะมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,750 เหรียญ อย่างไรก็ตาม MTS Gold คาดว่า ราคาทองคำจะค่อยๆ ขึ้นไปอย่างช้าๆ จนทะลุแนวต้านสำคัญนี้ได้ จึงแนะนำให้นักลงทุนเป็นการซื้อสะสมอยู่เรื่อยๆ เมื่อราคาอ่อนตัว โดยทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 1,722 เหรียญและแนวต้านที่ระดับ 1,735 เหรียญ Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,450 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,400 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,600 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,030 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,722 — 1,735 เหรียญ โดยเก็งกำไรในทิศทางขาขึ้น นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ปรับเพิ่มพอร์ทการลงทุนเป็น 60% โดยเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ปรับเพิ่ม Portfolio มาเป็น 60-70% โดยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว อย่างไรก็ตามแนะนำให้ขายทำกำไรบ้างบางส่วนบริเวณ 1,735 เหรียญ บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ