กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--IR network
บอร์ด “โรงพิมพ์ตะวันออก” ลุยไปข้างหน้าต่อ ล่าสุดไฟเขียวทุ่มงบลงทุน 490 ล้านบาท ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 2 กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดลพบุรี หวังปูพรมปั้นรายได้จากโซลาร์ฟาร์มที่มีความแน่นอนช่วยเสริมธุรกิจสิ่งพิมพ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงให้เกิดกับ EPCO ซึ่งจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป หลังดีเดย์จ่ายไฟในโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แห่งแรกที่กาญจนบุรีไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา เริ่มรับรายรู้ทันทีในไตรมาส 4/2555 นี้กว่า 50 ล้านบาท ก่อนรับรู้เต็มที่ 200 ล้านบาทต่อปี "ยุทธ ชินสุภัคกุล" มั่นใจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และสร้างผลตอบแทนที่ดีและมั่นคง แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว และเริ่มเห็นผลประกอบการที่เปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัดตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็ปโก้ กรีน เพาเวอร์ พลัส จากัด (EPCOG) เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท อะควาติส เอ็นเนอร์จี จำกัด (Aquatist) ในสัดส่วนร้อยละ 100 จาก Sungen Investments Holding Limited จำนวนเงิน 15 ล้านบาท โดย Aquatist ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.97 ในบริษัท ลพบุรี โซล่า จากัด ซึ่งมีสิทธิในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ปริมาณพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สูงสุด 5 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้ได้อนุมัติให้ บริษัท ลพบุรี โซล่า จำกัด ซื้อที่ดิน ตั้งอยู่ที่ ตำบล วังขอนขว้าง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี รวม 5 แปลง เนื้อที่รวม 119.55 ไร่ จานวนเงิน 35 ล้านบาท จาก Sungen (Thailand) Company Limited ด้วย
"บริษัทฯจะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 5 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 490 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุนเพื่อซื้อหุ้นสามัญของ Aquatist ในสัดส่วนร้อยละ 100 พร้อมสิทธิในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามูลค่ารวม 15 ล้านบาท เงินลงทุนเพื่อที่ดิน 35 ล้านบาท เงินลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่ารวม 420 ล้านบาท และ ดอกเบี้ยจ่ายระหว่างก่อสร้างและค่าใช้จ่ายสำรองเผื่อฉุกเฉิน ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้สถาบันการเงิน ซึ่งเชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมและสร้างความเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทฯ ในอนาคต เป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และในท้ายที่สุดจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯในระยะยาว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐบาลที่กำหนดให้มีอัตราส่วนเพิ่ม (Adder) จากราคารับซื้อไฟฟ้าที่ 8 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อในอนาคตจะผลักดันให้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้ากลายมาเป็นรายได้หลัก เพราะมีความแน่นอนมากกว่ารายได้ที่มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์" นายยุทธกล่าว
ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก ขนาดกำลังการผลิตรวม 10 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี สามารถเริ่มต้นจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบ (Commercial Operation Date: COD) ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2555 นี้ทันที ประมาณ 50 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2556 ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี โดยโครงการดังกล่าวมีสัญญาเป็นระยะเวลา 25 ปี และมีรายได้ตลอดอายุสัญญาไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาท
ประธานกรรมการบริหาร EPCO กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายได้ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% จากปี 2554 ที่มีรายได้ 634.91 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตของรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และธุรกิจสิ่งพิมพ์ แต่หากคิดเป็นสัดส่วนรายได้ทั้งปี รายได้หลักจะยังมาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ 60% ส่วนอีก 40% เป็นรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำไรสุทธิน่าจะอยู่ในระดับทรงตัวหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 81.42 ล้านบาท แต่จะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นของผลประกอบการ EPCO ได้ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป