กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด
“แม็กซ์ม่า”ประกาศรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 14 ปี เกาะกระแสลดโลกร้อน แปลงโฉม MAXXMA WINDOW FILM เป็น MAXXMA ECO FILM หรือ ฟิล์มประหยัดพลังงาน ย้ำคอนเซ็ปต์ “สวย เย็น เป็น ธรรมชาติ” ชูจุดเด่นที่เป็นฟิล์มประหยัดพลังงานที่มีคุณภาพสูง หวังครองใจผู้บริโภค เผยยอดขายปีนี้มั่นใจโกย 50 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มประหยัดพลังงานจากประเทศเกาหลี ภายใต้แบรนด์ “MAXXMA” เปิดเผยว่า บริษัทได้รีแบรนด์ดิ้งครั้งแรกในรอบ 14 ปี เพื่อตอกย้ำว่า ฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่า เป็นฟิล์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงแค่ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ภายในรถยนต์หรืออาคารเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานด้วย ซึ่งภายในรถยนต์หรืออาคารที่ติดฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าอุณหภูมิจะต่ำกว่าภายนอกรถยนต์หรืออาคาร
ปกติฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าก็ช่วยลดโลกร้อนอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้สื่อสารกับผู้บริโภคในเรื่องนี้มากนัก เพราะกระแสความสนใจเรื่องการลดโลกร้อนยังไม่แพร่หลายมากนัก อีกทั้งการเลือกซื้อฟิล์มกรองแสงของผู้บริโภค ส่วนใหญ่จะเลือกซื้อเพราะแบรนด์สินค้า คุณภาพ และราคาเป็นหลัก บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า และจำหน่ายในราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าการสื่อสารเรื่องแบรนด์กับผู้บริโภค
“บริษัทคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้กลุ่มผู้บริโภครับรู้ว่า ฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าไม่ได้เป็นเพียงฟิล์มประหยัดพลังงานที่มีคุณภาพสูง เพราะใช้เทคโนโลยีที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกา และจำหน่ายในราคาที่กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อได้ง่ายเท่านั้น แต่ฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่ายังให้ความสำคัญกับการลดโลกร้อนอีกด้วย”นายชัยรัตน์กล่าว
นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้การรับรู้กับกลุ่มผู้บริโภคง่ายขึ้น บริษัทจึงปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อสื่อสารตรงกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น จากเดิม MAXXMA WINDOW FILM เป็น MAXXMA ECO FILM หรือจากคำว่าฟิล์มกรองแสง เป็น ฟิล์มประหยัดพลังงาน แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ “สวย เย็น
เป็นธรรมชาติ” ซึ่งโทนสีก็เลือกที่จะใช้สีเขียวเพิ่มขึ้น เพื่อสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการปรับโลโก้ครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำว่าฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าเป็น GREEN PRODUCT อย่างแท้จริง
“บริษัทเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่เปลี่ยนคำจำกัดความของฟิล์มกรองแสงเป็นฟิล์มประหยัดพลังงาน เพราะมั่นใจว่าจะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของฟิล์มได้อย่างชัดเจน”
สำหรับความหมายของโลโก้ใหม่นั้น จะยังคงคำว่า MAXXMA ให้โดดเด่นด้วยตัวอักษรที่หนักแน่น ซึ่งเป็นแบรนด์หลักไว้เช่นเดิม เพราะเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักและให้ความไว้วางใจแล้ว โดยเลือกใช้สีดำเป็นหลัก และมีการไล่เฉดสีจากสีส้มอ่อนไปถึงสีเหลืองคาดตรงกลางในบนตัวอักษร X ซึ่งสีดำเพื่อแสดงความหมายถึงความมั่นคง แข็งแรงขององค์กรที่จะอยู่อย่างมั่นคง และเคียงข้างผู้บริโภคตลอดไป ขณะเดียวกัน ยังบ่งบอกถึงคุณภาพของฟิล์มประหยัดพลังงานด้วย ส่วนสีส้มและสีเหลืองแสดงถึงความมีพลังและแสงสว่าง ซึ่งหมายถึงการลดแสงสว่างนั่นคือ แสงอาทิตย์เข้าสู่ภายในรถยนต์และอาคาร
ส่วนคำว่า “ECO FILM” ออกแบบด้วยฟร้อนซ์สบายตา มีความอ่อนไหว โดยเลือกใช้สีเขียวอ่อน เพื่อสะท้อนให้เห็นความเป็นธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสีเขียวเป็นโทนสีเย็น สีที่แสดงถึงความสดชื่น ช่วยให้สบายตา ซึ่งการเปลี่ยนโลโก้เช่นนี้ จะสื่อสารกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นว่า ฟิล์มประหยัดพลังงาน MAXXMA เป็น GREEN PRODUCT สำหรับรูปใบไม้บริเวณด้านหน้าคำว่า ECO FILM เป็นการตอกย้ำว่า เป็นฟิล์มประหยัดพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการปรับเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้ ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ วิสัยทัศน์ ตำแหน่งทางคุณค่า บุคลิกภาพ และคุณค่าของแบรนด์
สำหรับสภาพการแข่งขันฟิล์มกรองแสงนั้น มีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งจากดีเวลลอปเปอร์รายเดิม และดีเวลลอปเปอร์รายใหม่ ที่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทจะทำการตลาดทุกช่องทางเพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเก่าและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ มุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเก่าโดยจะดูแลตัวแทนจำหน่ายด้วยการเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่าย คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้า โดยการให้รางวัล ให้โบนัส เมื่อสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ก็มีการจัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าด้วย
โดยบริษัทจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า อีกทั้งจะให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย เพราะจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในสินค้าและบริษัทมากยิ่งขึ้น และจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเพิ่มไลน์สินค้า เพื่อให้มีสินค้าครอบคลุม ทุกเซ็กเม้นท์ ทั้งในแง่ของความหลากหลายของสินค้า และราคาอย่างต่อเนื่องถึงปี 2556 ซึ่งสินค้าจะมีราคาตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปถึงระดับสูง
ส่วนนโยบายการดำเนินงานนั้น ได้ร่วมกับผู้ผลิตฟิล์มประหยัดพลังงานประเทศเกาหลี พัฒนาสินค้าใหม่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ ซึ่งบริษัทแม่มีสินค้าอยู่แล้ว แต่เราต้องพัฒนาให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย รวมทั้งต้องพัฒนาสินค้า ให้มีดีไซน์ตรงกับรสนิยมของผู้บริโภคชาวไทยด้วย
ด้านนายอนุชา อภิรมย์เดช ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 28พฤศจิกายน- 10 ธันวาคม 2555 บริษัทจะไปออกบูธที่งาน MOTOR EXPO ซึ่งจะนำฟิล์มป้องกันรอยมือจับประตู (MAXXMA CLEAR GUARD)ไปแนะนำต่อกลุ่มเป้าหมาย และจัดโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน เพราะหลังจากที่ทดลองทำตลาด ปรากฏว่ามียอดขายจำนวนมากประมาณ 10,000 ชุด ซึ่งมากกว่าเป้าหมายตั้งไว้ และคาดว่าหลังจากที่แนะนำสินค้าในงานดังกล่าวจะทำให้มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีตัวแทนจำหน่ายติดต่อเข้ามาเพื่อนำสินค้าไปขาย
“จากนโยบายคืนภาษีรถคันแรกทำให้ความต้องการรถยนต์สูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นจนสิ้นสุดการจองภายในสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ยอดขายฟิล์มประหยัดพลังงานและฟิล์มป้องกันรอยมือจับประตู (MAXXMA CLEAR GUARD) เพิ่มขึ้นด้วย เห็นได้จากในช่วงนี้ ยอดขายทั้งฟิล์มประหยัดพลังงานและฟิล์มป้องกันรอยมือจับประตูเริ่มดีขึ้น หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เกิดปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่”
ในเดือนเมษายน 2556 บริษัทจะไปออกบูธที่งานสถาปนิกสยาม เพื่อแนะนำฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าให้เป็นที่รู้จักกับผู้บริโภค ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ไปร่วมแนะนำสินค้าใน
งานบิวท์ เทค ที่ไบเทค ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ร่วมเข้าชมงานเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาปนิก มัณฑนากร และวิศวกร ที่ต้องการนำฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่าไปติดในอาคาร
ขณะเดียวกัน ก็มีร้านประดับยนต์ คาร์แคร์ติดต่อเข้ามาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะสรุปผลได้ประมาณไตรมาสแรกปี 2556 โดยแม็กซ์ม่ามีตัวแทนจำหน่ายกว่า 200 ราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ด้านผลประกอบการที่ผ่านมา บริษัทตั้งยอดขายปีนี้ไว้ที่ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมั่นใจว่าหลังจากการรีแบรนด์ดิ้งครั้งนี้จะทำให้บริษัทเป็นผู้นำตลาดติดอันดับ 1 ใน 5 โดยชูจุดเด่นที่เป็นฟิล์มประหยัดพลังงานที่มีคุณภาพสูง และครองใจผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน
ติดต่อ:
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ลัชชา กาญจนะ (ตุ๊ก)
E-Mail: t_latcha@hotmail.com