กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ
บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ผู้นำในธุรกิจติดตามเร่งรัดหนี้สิน และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพครบวงจร พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 27 พฤศจิกายนนี้ โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,200 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ โดย JMT เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. เจ มาร์ท (JMART) ที่เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มความคล่องตัวในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของบริษัทย่อย โดยนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียน (Spin off) เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ
JMT ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว โดยมีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น บริษัทฯ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมของ JMART จำนวน 45 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 12 - 14 พฤศจิกายน 2555 และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 19 - 21 พฤศจิกายน 2555 รวมทั้งสิ้น 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 300 ล้านบาท โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ในครั้งนี้ไปซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่ม พร้อมทั้งขยายธุรกิจบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยและธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจการให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้สินและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพให้ครบวงจร
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JMT 3 รายแรก ได้แก่ บมจ. เจ มาร์ท ถือหุ้น 75.00% นายชัยเดช หงศ์ลดารมภ์ ถือหุ้น 1.07% นายอดิศักดิ์ นาคเนาวทิม ถือหุ้น 0.98% ราคา IPO ของ JMT ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 13.8 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง(ตั้งแต่ 1 ก.ค. 54 — 30 มิ.ย. 55) ซึ่งเท่ากับ 86.71 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully diluted) ซึ่งเท่ากับ 300 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิเท่ากับ 0.29 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และสำรองตามกฎหมาย โดยพิจารณาจากงบการเงินรวมสำหรับบริษัทฯ และงบเดียวสำหรับบริษัทย่อย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.jmtnetwork.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th