กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,749 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,744 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.68 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,300 บาท กับ 25,400 บาท และกลับมาปิดที่ 25,300 บาท กับ 25,400 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 1,854 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,649 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 57 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.3% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 2.4% Silver Futures ทรงตัวเท่าเดิม GFZ12 ปิด 25,630 บาท และ GFG12 ปิด 25,760บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,630บาท GF10G12 ปิดที่ 25,760บาท SVZ12 ปิดที่ 1,048บาท
สัญญา Comex ปิดลดลง 7.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,742.3 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 0.16 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.98 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,345.81 ตัน ( ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 3.62 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 0.54 เซนต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 87.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 89.24 จุด ปิดที่ 12,878.13จุด
Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51.27 ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ติดต่อกันเป็นวันที่สอง เนื่องจากความกังวลในเรื่องความคืบหน้าของภาวะ Fiscal Cliff สหรัฐได้บดบังความคืบหน้าของการผ่อนคลายปัญหาหนี้ของกรีซ และการหมดอายุของสัญญาออพชั่นก็เป็นส่วนให้ราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เท่านั้น โดยสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 7.3 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,742.3 เหรียญ ด้วยปริมาณการซื้อขายมากกว่า 50% เหนือค่าเฉลี่ย 250 วันโดยส่วนใหญ่ เนื่องจากการรวมกันจากการหมดอายุของสัญญาออพชั่นและการโรลโอเวอร์สัญญาก่อนวันเฟิร์ส โนทิส เดย์ในวันศุกร์
ภายใต้ข้อตกลงที่ไอเอ็มเอฟและยูโรโซนได้เห็นพ้องต้องกันนั้น กลุ่มเจ้าหนี้จะลดหนี้ของกรีซมูลค่า 4 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเป็นการตัดลดหนี้ให้เหลือ 124% ของจีดีพีภายในปี 2020 และสิ่งนี้จะสำเร็จได้โดยการลดอัตราดอกเบี้ยในเงินกู้ รวมไปถึงการขยายวาระครบกำหนดอายุไถ่ถอนของหนี้อีก 15 ปีเป็น 30 ปี และยืดเวลาการชำระหนี้ออกไป อีกทั้ง กลุ่มเจ้าหนี้ระหว่างประเทศยังได้มองการดำเนินการเพิ่มเติมที่จะลดหนี้กรีซให้เหลือต่ำกว่า 110% ต่อจีดีพีภายในปี 2022 อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ในช่วงระหว่างวัน สกุลเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบเดือนพฤศจิกายนสู่ระดับ 1.3000 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากมีการลงนามในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ อย่างไรก็ตามภายหลังราคาทองฟิวเจอร์ขยับลงต่อเนื่องจากวานนี้ เพราะถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ภายหลังจากที่นายริชาร์ด ฟิสเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวแสดงความเห็นคัดค้านการขยายการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยนายฟิสเชอร์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องการที่จะกำหนดระดับของวงเงินที่ใช้ในมาตรการ QE ในการประชุมเฟดครั้งต่อไปในวันที่ 11 — 12 ธ.ค. ว่าจะซื้อหลักทรัพย์ MBS จำนวนเท่าใด และจะมีการประเมินว่านโยบาย QE ทำให้เศรษฐกิจเติบโตและลดอัตราการว่างงานระดับ 7.9% ลงหรือไม่ พร้อมทั้งหารือว่าจะขยายเวลาของมาตรการ Operation Twist ที่จะหมดอายุในเดือนหน้าต่อไปหรือไม่ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ที่ได้ส่งผลลบต่อการเติบโตในไตรมาสที่ 4 และผลกระทบจะลดลงในไตรมาสต่อๆไป
นอกจากนี้ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนนี้ได้สร้างมุมมองภาพบวกต่อสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข Core Durable Goods Orders หรือ Durable Goods Orders ก็ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ทั้งสองตัว อีกทั้งภาคการผลิตสาขาริชมอนด์ ประจำเดือน พ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็ออกมาดีเช่นกัน ซึ่งก็คือตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานของสหรัฐออกมาดีทั้งหมด
นายจอร์จ เจโร รองประธานจาก RBC Capital Futures กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงเนื่องจากเป็นวันหมดอายุของสัญญาออพชั่นที่เป็นสาเหตุให้มีการจัดรูปแบบพอร์ทให้ทำการขายเกินสถานะ หรือพบกับการถูก call margins ในวันถัดมา ซึ่งสัญญาออพชั่นตลาด COMEX ที่เป็นเงินจะกลายเป็นสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สในบัญชีผู้ถือครอง และนอกจากนี้ การวางคำสั่ง puts ที่ระดับ 1,700 เหรียญ และวางคำสั่ง calls ที่ระดับ 1,800 เหรียญของสัญญาออพชั่นเดือนธ.ค. นั้นถูกปล่อยทิ้งไป เนื่องจากกรอบการซื้อขายล่าสุดได้ขัดขวางสิ่งที่นักลงทุนได้ทำไว้
Open Interest ปรับตัวลดลงแต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในปีนี้ที่ 493,245 ล็อตที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์ที่ราคาทองคำพุ่งขึ้น 1.5% โดยนายเดนนิส การ์ทแมน กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นใน OI อย่างรวดเร็วหมายถึง มีการเข้าซื้ออย่างแท้จริงมากกว่าการทำ Short Covering
นักลงทุนในทองคำต่างมีความกังวลเกี่ยวกับการประนีประนอมของสภาคองเกรสและทำเนียบขาว และดูเหมือนว่าการตกลงกันได้ดูห่างไกลออกไป ซึ่งเมื่อวานนี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ออกงานประชาสัมพันธ์เพื่อผลักดันให้มีการเพิ่มภาษีในครอบครัวชาวอเมริกันที่มีฐานะ แต่ผู้กำหนดกฎหมายยังคงคัดค้าน
นายสตีเว่น ผู้บริหาร Goldman Sachs จะเข้าพบกับโอบามาวันพรุ่งนี้ พร้อมกับผู้บริหารคนอื่นๆ เพื่อเข้าร่วมในโครงการกำหนดระดับหนี้ โดยมีจุดประสงค์ที่จะกดดันรัฐสภาให้มีการเพิ่มภาษีผู้มีรายได้สูง และยืดระยะเวลาในการลดภาษีให้ชนชั้นกลาง ขณะที่ Blankein และคณะ ก็จะมีการพบปะกับพรรครีพลับบลิกกัน การที่เป็นผู้บริหารในช่วงที่รัฐกำลังถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญ และต้องมีการเข้าร่วมกับแนวคิดของทั้ง 2 พรรคด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่า Goldman Sachs จะยังไม่มีแผนที่จะเสนอเครื่องมือที่จะหลีกเลี่ยงภาษีการลงทุนให้กับลูกค้า เพื่อป้องกันกำไรที่ลดลง
นายไซมอนด์ พอตเตอร์ หัวหน้ากลุ่มการตลาดจากเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า มาตรการ QE3 ได้ส่งผลอย่างมากต่อพันธบัตรอสังหาริมทรัพย์ และทำให้อัตราดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ลดลง โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่ของหนี้อายุ 30 ปีอยู่ที่ระดับ 3.44% เมื่อวานนี้ ลดลงจาก 3.57% ในวันที่ 12 ก.ย. ที่เป็นวันก่อนที่เฟดจะประกาศ QE3 ซึ่งนับเป็นการประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง โดยการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของเฟดได้เพิ่มสินทรัพย์ในงบดุลเฟดไปอยู่ที่ระดับ 2.87 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ทั้งนี้ทำให้เฟดมีความเสี่ยงทางด้านอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน เนื่องจากการย้ายความเสี่ยงจากตลาดมาสู่เฟดเองด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์นั่นเอง
ขณะที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ได้เชิญเหล่านักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันประจำปี เพื่อนำเสนอนโยบายทางการเงิน โดยที่เขาไม่ได้กล่าวถึงมุมมองด้านนโยบายเศรษฐกิจใดๆ หรือข้อสังเกตทางเศรษฐกิจในการกล่าวในกรุงวอร์ชิงตัน และกล่าวว่าเขากำลังรอคอยแนวทางการแก้ปัญหาที่จะมีกลุ่มนักศึกษาที่คัดเลือกมาจาก 5 โรงเรียน
เมื่อวานนี้ กองทุนทองคำ SPDR เพิ่มการสำรองทองคำ 3.616 ตัน มาทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1,345.813 ตัน
- สเปนระดมทุนได้ 4.09 พันล้านยูโร จากการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนและ 6 เดือนเมื่อวานนี้ ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4 พันล้านยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง ท่ามกลางความต้องการที่แข็งแกร่ง หลังจากที่แรงกดดันในตลาดผ่อนคลายลง จากการที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซนสามารถตกลงเรื่องการผ่อนปรนเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- Core Durable Goods Orders m/m เดิมอยู่ที่ระดับ 2.0% ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.5% (คาดการณ์ -0.5%)
- Durable Goods Orders m/m เดิมอยู่ที่ระดับ 9.8%ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 0.0% (คาดการณ์ -0.6%)
- CB Consumer Confidence เดิมอยู่ที่ระดับ 72.2 ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 73.7 (คาดการณ์ 73.0)
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้
- New Home Sales เดิมอยู่ที่ระดับ 389K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 387K
- Crude Oil Inventories เดิมอยู่ที่ระดับ -1.5M คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.5M
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ในตลาด COMEX ท่ามกลางการแกว่งตัวในทิศทางขาลงเนื่องจากการหมดอายุในสัญญา Option ในเดือนนี้ประมาณวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวร่วงลงในตลาด COMEX ไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,739 กลับมาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,742.3 เหรียญ MTS Gold วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำยังอาจจะปรับตัวลดลงได้ในช่วง 1 — 2 วันจากการที่สัญญา Option หมดอายุ แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรในกรอบตามการแกว่งตัวซึ่งอาจจะแกว่งตัวลงในช่วงสั้นๆ 1 — 2 วัน กรอบราคาเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1,735 — 1,745 เหรียญในวันนี้
Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,470บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,620 บาท
Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,600 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,780 บาท
Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,040 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)
เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,735 — 1,745 เหรียญ ระวังการแกว่งตัวในกรอบขาลง อาจจะทำ Short Position เพื่อซื้อกลับเมื่อราคาปรับตัวลดลง
นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade)
รอช้อนซื้อบริเวณแนวรับเท่านั้น Portfolio 50% เนื่องจากมองระยะปานกลางป็นขาขึ้นหลังจากสัญญา Option หมดอายุ
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
ยังคงไม่ได้ทำอะไร รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว Portfolio อยู่ที่ 40%
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง