กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--วิวาลดี้ พับบลิค รีเลชั่น
แลนด์โรเวอร์ เปิดตัว “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ (The All-New Range Rover)” ยอดยนตกรรมสมรรถนะเหนือชั้นภายใต้รูปลักษณ์ที่ภูมิฐานสง่างาม เป็นครั้งแรกในเอเชีย ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ณ พื้นที่จัดแสดงของแลนด์โรเวอร์ หมายเลข B01 ในเวลาประมาณ 12.30 น.
ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกไปแล้วที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ยานยนต์รุ่นที่ 4 จากเรนจ์โรเวอร์ ได้โอกาสอวดโฉมแก่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ บุคคลสำคัญ และนักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทย รวมถึง นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย โดยงานออกแบบครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมอย่างเหนือชั้น เพื่อสืบสานจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์ตลอด 40 ปี ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เป็นสุดยอดงานออกแบบแห่งแบรนด์ผู้นำยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู จาก แลนด์โรเวอร์
ภายในพื้นที่จัดแสดง B01 ของแลนด์โรเวอร์ นำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเรนจ์โรเวอร์ ซึ่งมีทั้งส่วนนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ การจัดแสดงเทคโนโลยีส่งกำลังและชิ้นส่วนอะไหล่ ตลอดจนการออกแบบตกแต่งภายนอกและห้องโดยสารภายในที่หรูหรา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความประณีตสวยงามจากแลนด์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ คืออีกหนึ่งหลักชัยของแลนด์โรเวอร์ ที่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจากการทุ่มงบประมาณลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะยานยนต์รุ่น Autobiography 4.4-litre SDV8 ซึ่งมาพร้อมที่นั่งด้านหลังแบบเอ็กเซกคูทีฟ คลาส สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายที่เหนือระดับ รวมถึงหลังคาแบบพานอรามิก ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติวิธีการออกแบบครั้งสำคัญแห่งวงการยานยนต์อเนกประสงค์ระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ยังเป็นยานยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรกของโลก ที่ใช้ตัวถังแบบโครงอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้น ด้วยเสถียรภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูงขึ้นในทุกสภาพถนน โดยยังคงประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ
มร. เดล โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อเราถามลูกค้าว่า ท่านต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งใด คำตอบที่ได้รับคือ คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นเท่านั้น”
เราไม่เพียงต้องการสร้างยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น หากเรายังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ยานพาหนะระดับหรูที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งความทุ่มเททั้งหมดของเราได้ถูกนำเสนอผ่านยนตกรรม ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ประจำปี 2555 ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเรา”
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ต้องผ่านการทดสอบสมรรถนะอย่างเข้มข้น ร่วมกับการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลากหลายรูปแบบ
วันนี้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เปิดจองแล้วอย่างเป็นทางการ และกำหนดจัดจำหน่ายช่วงปลายปี 2555 ในตลาดกว่า 170 แห่งทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ มีจัดจำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ HSE, Vogue และ Autobiography ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,499,000 บาท โดย บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและวางโครงสร้างในศูนย์พัฒนายานยนต์ของแลนด์โรเวอร์ในประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานซึ่งใช้เทคโนโลยีระดับสูงในเมืองโซลิฮัลล์ ซึ่งได้ลงทุนกว่า 370 ล้านยูโร ในการก่อสร้างโรงงานผลิตตัวถังอะลูมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อยานยนต์รุ่นนี้
ดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรู และสง่างามในทุกมุมมอง
รูปทรงที่เรียบหรูและภูมิฐานของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ เกิดจากการตีความเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ผ่านทัศนะใหม่ เพี่อแสดงออกถึงวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย หากยังคงความสง่างามในสไตล์ เรนจ์โรเวอร์ ไว้ทุกประการ
ด้วยความยาวของตัวรถที่น้อยกว่า 5 เมตร ทำให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่แลดูคล้ายคลึงกับยานยนต์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด หากพิจารณาในรายละเอียดจะสังเกตเห็นถึงลักษณะความลู่ลมและรูปทรงที่เพรียวบางกว่า ทั้งยังมีแนวหลังคาต่ำกว่าถึง 20 มม.ในการใช้งานแบบ Access Mode ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านต่ำสุดเพียง 0.34
การตกแต่งภายในเน้นความหรูหราทันสมัย ซึ่งผสมผสานกับสไตล์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและสง่างามด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่หนักแน่นมั่นคง เพิ่มความเนี้ยบด้วยการตกแต่งพื้นผิวภายในให้แลดูสะอาดตาและประณีต ด้วยเครื่องหนังชั้นดีและวีเนียร์คุณภาพสูง ห้องโดยสารด้านหลังยังเพิ่มพื้นที่ให้กว้างกว่าเดิมถึง 118 มม. โดยสามารถเลือกแพ็คเกจการตกแต่งแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายสูงสุด
นอกจากนี้ ยังนำเสนอออพชั่นการตกแต่งอีกมากมาย ทั้งในเรื่องสี พื้นผิว และรายละเอียดชิ้นส่วนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ห้องโดยสารให้สวยงามเฉพาะตัวในรุ่น Autobiography ไปจนถึงอุปกรณ์ประดับยนต์อย่างล้ออัลลอยสุดหรู ที่มีให้เลือกขนาดใหญ่สุดถึง 22 นิ้ว เพื่อให้ เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ สะท้อนบุคลิกอันโดดเด่นในแบบที่เป็นคุณมากที่สุด
รูปลักษณ์ที่สง่างามและสมรรถนะสูงสุดของ เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบและผลิตด้วยระบบวิศวกรรมชั้นเลิศอันล้ำสมัย โดยใช้โครงสร้างและตัวถังแบบใหม่ เพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโร้ดและเพิ่มความเสถียรในการวิ่งบนถนนทางเรียบทุกประเภท ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ จึงพร้อมเคียงข้างคุณไปในทุกเส้นทาง ด้วยภาพลักษณ์แห่งผู้นำที่จะสะกดทุกสายตา
หนึ่งในฟังก์ชั่นเพื่อการขับขี่ที่เขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก คือระบบ Terrain Response? รุ่นใหม่จาก แลนด์โรเวอร์ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์สภาพถนนและเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบตลอดเส้นทาง ระบบกันสะเทือนน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้มั่นคงสูงสุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมพวงมาลัยและความนุ่มนวลที่เหนือกว่า แม้ในสภาพถนนที่แสนทรหดและขรุขระที่สุด
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ทำงานด้วยระบบกล่องเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Transfer Box) แบบ 2 สปีด ซึ่งทำงานพร้อมกับระบบควบคุมแรงฉุดด้วยไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ จึงให้แรงฉุดลากและความมั่นคงเชิงกลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
สมรรถนะการขับขี่ของ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สื่อผ่านโครงสร้างที่บึกบึนมั่นคง ซึ่งถูกออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสมในการขับขี่ทุกสภาวะถนน โดยเฉพาะการเพิ่มระดับลุยน้ำลึก จาก 200 มม. ขึ้นถึง 900 มม. ทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กก. ถือเป็นยานยนต์ที่มีแรงลากจูงสูงสุดในคลาสเดียวกัน
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ทุกคัน ยังต้องผ่านการพัฒนาและทดสอบสมรรถนะอันหนักหน่วง ร่วมกันยานยนต์เพื่อการพัฒนาอื่นๆ ทั้งบนถนนทางเรียบและแบบออฟโร้ด รวมเป็นระยะทางหลายพันไมล์ ครอบคลุม 20 ประเทศ นานถึง 18 เดือน โดยต้องผจญกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศอันยากลำบากหลายรูปแบบ เพื่อรับประกันถึงความทนทานและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เป็นเยี่ยม
ประสบการณ์การขับขี่แสนสบายที่เหนือกว่า
เรนจ์โรเวอร์ โดดเด่นในด้านการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และปราศจากสิ่งรบกวนที่วุ่นวายจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานความหรูหราให้สูงกว่าเดิม
วิศวกรผู้ออกแบบ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ให้ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการพัฒนา เพื่อการขจัดเสียงไม่พึงประสงค์จากภายนอกให้มากที่สุด นับตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างตัวถัง การเสริมชั้นกระจกตัดเสียงของประตูข้าง ตลอดจนการใช้แท่นเครื่องคู่แบบแยกชิ้น ซึ่งทำให้ลดเสียงรบกวนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ใช้โครงตัวถังแบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุมอันล้ำสมัย เพื่อเสริมเสถียรภาพในการควบคุมและความมั่นใจในการเข้าโค้งที่ฉับไวกว่า ทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน
ลูกค้าสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์กับ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้ทั้งรุ่นเบนซิน 510PS LR-V8 Supercharged และรุ่นดีเซล 2 แบบ ได้แก่ 3.0-litre 258PS TDV6 และ 4.4-litre 339PS SDV8 โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นให้แรงบิดสูง พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลด้วยระบบส่งกำลังอัตโนมัติแบบ 8 สปีด
การให้ความสำคัญกับตำแหน่งของผู้ขับที่เหมาะสมคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ เรนจ์โรเวอร์ ซึ่ง ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Command Driving Position เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับอย่างเหมาะสม ซึ่งจะอยู่สูงกว่ารถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูอื่นๆ 90 มม. ทำให้รู้สึกได้ถึงการควบคุมและความมั่นใจที่เหนือกว่า
โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อสมรรถนะและความมั่นคงที่เหนือชั้น
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ปฏิวัติวงการด้วยการใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเบากว่าถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาดที่ใช้ตัวถังเหล็ก
แลนด์โรเวอร์ คือหนึ่งในผู้นำด้านการใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอากาศยานเพื่อการเสริมสมรรถนะการขับขี่ และด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบใหม่นี้ จึงทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่และสมรรถนะของเครื่องยนต์
เมื่อพิจารณารวมกับน้ำหนักที่เบากว่าทั้งจากโครงรถและระบบการขับเคลื่อน พบว่าโครงสร้างน้ำหนักเบาสามารถลดภาระเครื่องได้ถึง 350 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปในท้องตลาด
การลดภาระเครื่องช่วยให้ เรนจ์โรเวอร์ นำเสนอการขับขี่ที่ผ่อนคลาย หากยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์รุ่น 510PS LR-V8 Supercharged สามารถเร่งความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 5.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นในปัจจุบัน 0.8 วินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงถึง 9%
เทคโนโลยีโครงสร้างน้ำหนักเบา ยังทำให้ เรนจ์โรเวอร์ สามารถนำเสนอเครื่องยนต์รุ่น 3.0-litre TDV6 ให้เป็นหนึ่งในทางเลือก ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ซึ่งแม้จะขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่าถึง 420 กก. แต่มีกำลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์รุ่น 4.4-litre TDV8 ทั้งยังลดการใช้เชื้อเพลิงได้ถึง 22% ที่อัตรา 37.7 เมตร/แกลลอน และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 196 กรัม/กม.
พันธะสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ เรนจ์โรเวอร์ จะเป็นที่ประจักษ์ยิ่ง เมื่อ เรนจ์โรเวอร์ กำหนดเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดจ์ประสิทธิภาพสูง ในช่วงปลายปี 2556 (เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 169 กรัม/กม.)
เทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมจาก เรนจ์โรเวอร์
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยียานยนต์ระดับสูงใหม่ล่าสุด สมบูรณ์แบบด้วยโครงรถอันล้ำสมัยและระบบสนับสนุนการขับขี่ที่มั่นใจได้ รวมทั้งการตกแต่งภายในอันหรูหราที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งผู้นำของคุณ
การออกแบบห้องโดยสารระดับพรีเมี่ยมทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง มอบความรู้สึกภูมิฐานและโดดเด่น เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงสมัยใหม่ครบครัน ซึ่งได้แก่:
- ความสะดวกสบาย — การออกแบบระดับพรีเมี่ยม นำเสนอ กุญแจรีโมท, ระบบปิดประตูแบบนุ่มนวลและล็อคไฟฟ้า, ระบบประตูหลังไฟฟ้าทั้งด้านบนและล่าง, ช่องเก็บของเย็น, ตะขอลากระบบไฟฟ้า
- เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ — ระบบเสียงดนตรีรอบทิศทางจาก Meridian เพื่อคุณภาพเสียงชั้นเยี่ยม
- จอแสดงผล — จอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมช่องเชื่อมต่อแบบดิจิตัล จอสัมผัสขนาด 8 นิ้วและฟังก์ชั่น Dual-View
- ระบบควบคุมเสียงและการเชื่อมต่อ — ช่องเชื่อมต่อสำหรับอุปกร์สื่อสารเคลื่อนที่อันทันสมัย
- การควบคุมระบบปรับอากาศ — ด้วยการควบคุมระบบปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในคลาส มีทั้งการควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซนแบบพรีเมี่ยม และฟังก์ชั่นตั้งเวลาควบคุมแบบ Park Heater
- เบาะที่นั่งระดับหรู — เบาะนั่งอัพเกรดใหม่และฟังก์ชั่นเพิ่มความสบายขณะโดยสาร อาทิ ระบบนวดมัลติโหมด รวมถึงแพ็คเกจการตกแต่งเบาะหลังแบบ เอ็กเซกคูทีฟ คลาส (Executive Class) ใหม่ล่าสุด
- ระบบแสงสว่างภายในห้องโดยสาร — ระบบไฟแบบ LED ล่าสุด เพื่อมอบบรรยากาศที่หรูหรา นุ่มนวล ทั้งยังมีฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีของหลอดไฟให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่
เรนจ์โรเวอร์ รุ่นใหม่ ผสมผสานการใช้โครงรถแบบใหม่เข้ากับเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาวะตามหลักกลศาสตร์ และเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลายและไร้ความกังวลตลอดเส้นทาง โดยระบบใหม่ที่ติดตั้งใน ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ ได้แก่:
- ระบบควบคุมการเอียงด้วย Dynamic Response แบบสองทาง และระบบ Adaptive Dynamics ด้วยการหน่วงเครื่องแบบแปรผันต่อเนื่อง
- ระบบเลี้ยวแบบ Electric Power Assisted Steering ในฟังก์ชั่น Park Assist เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้สามารถเข้าจอดในที่จอดรถแคบๆ ของเขตเมืองได้
- ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) — ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Queue Assist ช่วยในการชะลอและหยุดรถได้อย่างแม่นยำ
- ระบบเบรกอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (รวมถึง Advanced Emergency Brake Assist) —เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหันหรือมีรถคันอื่นพุ่งเข้ามาในเส้นทาง
- ระบบตรวจจับจุดบอด Blind Spot Monitoring — ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ Closing Vehicle Sensing เพื่อการตรวจจับรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลังจากระยะไกล
- ระบบตรวจจับด้านหลัง Reverse Traffic Detection — เตือนผู้ขับให้ระวังการปะทะในขณะถอยรถ
- ระบบกล้องโทรทัศน์รอบด้าน Surround Camera System — ทำงานด้วยมุมมองแบบ T Junction, ระบบนำทางแบบ Trailer reverse park guidance, และ Trailer hitch guidance.