สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 29, 2012 10:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคา ทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,741 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,711 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.73 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,200 บาท กับ 25,300 บาท และกลับมาปิดที่ 25,200 บาท กับ 25,300 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 3,864 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 11,738 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่154 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 5% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 13% Silver Futures ลดลง 8% GFZ12 ปิด25,160 บาท และ GFG12 ปิด 25,310บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,170บาท GF10G12 ปิดที่ 25,310บาท SVZ12 ปิดที่1,035บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 25.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,716.5 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 29.7 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.68ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,347.01 ตัน ( ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 1.2 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 69 เซนต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ86.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 106.98 จุด ปิดที่ 12,985.11จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 50.96 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC ราคา ทองคำปรับตัวลดลง 1.5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงวันหนึ่งมากที่สุดในเกือบ 1 เดือน จากความกังวลในเรื่องภาวะFiscal Cliff ของสหรัฐทำให้สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ รวมไปถึงหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง US-based fund manager ได้กล่าวว่า ผู้คนต่างมองว่า การเจรจาในเรื่อง Fiscal Cliff ดูจะเลวร้ายขึ้น โดยเงินลงทุนต่างๆ ถูกเคลื่อนย้ายออกจากสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นหันไปสู่สกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งทองคำกลายเป็นสินทรัพย์เสี่ยงไป ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน สมาชิก สภานิติบัญญัติของสหรัฐอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการหลีกเลี่ยงการเพิ่ม ภาษีและตัดลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ออกจากเศรษฐกิจสหรัฐภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหวนกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตามเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายแฮร์รี่ รีด จากเดโมแครต ผู้นำเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสภา ได้กล่าวต่อนักข่าวว่า พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในเรื่องการ เจรจา โดยพรรครีพับลิกันละเมิดสัญญาที่จะพิจารณาการเพิ่มภาษีเพิ่มเติมที่เป็นส่วน หนึ่งของข้อตกลง นอกจากนี้ ราคาทองคำยังปรับตัวลดลงเนื่องจากกองทุนต่างๆ มีการปรับเปลี่ยน Positions ก่อนวัน First-Notice Day ของสัญญาเดือนธันวาคมในวันศุกร์ First Notice Day (FND) หมายถึง วันแรกที่มีการประกาศว่าเป็นวันที่จะมีการส่งมอบสินค้าในสัญญาซื้อขายล่วง หน้านั้น โดยวันที่ประกาศจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า และตลาดฯ เช่น ถ้าลูกค้าถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสถานะ long positionลูกค้าจะต้องทำการยกเลิกภาระผูกพัน หรือ roll over ใน position นั้นก่อนที่จะถึงวัน First Notice Day (FND) นอกจากนี้ นายจอร์จ เจโร รองประธานจาก RBC Global Futures ได้กล่าวว่า เฮดจ์ฟันด์สจำนวนมากได้วางคำสั่ง Sell Stopปริมาณสูง หลังจากสัญญาออพชั่นเดือนธันวาคมหมดอายุลง ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงเทขาย โดยการหมดอายุของสัญญาออพชั่นและการเทขายในช่วงสิ้นเดือนเกิดขึ้นพร้อมกันใน ช่วงเปิดตลาด Comex และเรายังเห็นกองทุนต่างๆ มีการเข้าซื้อในสัญญาเดือนมกราคมที่คำสั่ง Puts ระดับ 1,700 เหรียญ ลอนดอน เบส โบรกเกอร์ ไทรแลนด์ เมเทิลส์ ก็ได้สังเกตเห็นว่า ตลาดปรับตัวลดลงในช่วงเมื่อคืนนี้ตลอดเปิดตลาด Comex โดยมีstop loss sell orders เข้ามาเป็นจำนวนมาก ผลักดันให้ตลาดทองคำร่วงทันที 25 เหรียญในเวลา 1 นาที ที่การเทขายสูงถึง12,000 ล็อต ซึ่งการเทขายดังกล่าวส่งผลให้เกิด shocking effect ต่อนักลงทุนในตลาดหลายราย จนทำให้บางรายต้องกล่าวโทษว่าเป็น fat finger trade หรือการคีย์ผิดที่ก่อให้เกิดการเทขายอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม ไทรแลนด์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าก็น่าจะเป็นการทำ Stop loss selling และการปรับเปลี่ยน Position ก่อนวัน First-notice day ของสัญญาส่งมอบเดือนธันวาคม สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมปรับ ตัวลดลง 25.8 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,716.5 เหรียญ ด้วยปริมาณการซื้อขายคับคั่งอย่างมากเกือบ 440,000 ล็อต มากกว่าสองเท่าของค่าเฉลี่ย 250 วัน โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการโรลโอเวอร์สัญญาส่งมอบเดือนธันวาคมถึง เดือนกุมภาพันธ์ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเทขายในทองคำส่งผลให้ราคาลงไปอยู่ใกล้บริเวณจุดต่ำสุดเดิมระหว่าง 1,703 — 1,705 เหรียญ ซึ่งราคาทองคำอาจปรับตัวลงต่อเนื่องจากขาดแนวรับหากราคาเบรกลงมาต่ำกว่า บริเวณแนวรับที่สำคัญ สำหรับข่าวที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนในตลาดกำลังจับ ตาอย่างใกล้ชิดมาที่การเจรจาเรื่อง Fiscal Cliff ของสหรัฐ ซึ่ง CME Groupกล่าวในรายงานความคิดเห็นตลาดว่า ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากการเจรจาเรื่อง Fiscal Cliff ที่อาจก่อให้เกิดการดาวน์เกรดสหรัฐและบางทีอาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง เฟด เปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังมีการขยายตัวในอัตราที่สม่ำเสมอในช่วงหลายสัปดาห์ที่ ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและตลาดที่อยู่อาศัย ที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดที่อยู่อาศัยยังคงถูกกดดันจากการชะลอตัวทางการผลิตและผล กระทบจากพายุเฮอริเคนแซนดี้ ทั้งนี้เฟดกล่าวว่าการเติบโตยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เพียงพอ โดยธนาคารกลางจะยังคงซื้อ MBS จำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไป และจะเริ่มเข้าซื้อพันธบัตรเมื่อOperation Twist หมดอายุในสิ้นปี พร้อมทั้งกล่าวว่า เฟดเชื่อมั่นว่าจะมีแนวทางการแก้ปัญหา Fiscal Cliff ได้ เนื่องจากตลาดบ้านยังอยู่ในภาวะที่ดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐลดลง 0.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. สู่ระดับ 368,000 ยูนิต ขณะเดียวกันยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ก็ถูกปรับลดลงเหลือ 369,000 ยูนิต จากเดิมที่รายงานว่าขายได้ถึง 389,000 ยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐยังไม่ มั่นคง นายแบลงค์ฟินผู้บริหาร Goldman Sachs ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของโอบามาในกรุงวอร์ชิงตัน เพื่อการบรรลุข้อตกลงFiscal Cliff โดยเขากล่าวว่าการประนีประนอมของทั้ง 2 พรรคระหว่างด้านรายได้ และด้านงบประมาณโครงการต่างๆ จำเป็นจะต้องเกิดขึ้น เพื่อให้บรรลุข้อตกลงในการแก้ปัญหา Fiscal Cliff อย่างไรก็ตาม เขาได้ย้ำเตือนว่าอาจจะต้องมีการเพิ่มอัตราภาษีเพื่อให้บรรลุข้อตกลง แม้ว่าเขาจะพอใจกับอัตราภาษีที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยอมรับหากจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น นายโอบามาได้ให้ความมั่นใจกับ เหล่าผู้บริหารว่าเขาเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรส ก่อนช่วงคริสมาสต์เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff และการนัดพบผู้บริหารนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศเชิงบวก อีกทั้งยังได้มอบหมายให้นายไกน์เนอร์จัดการประชุมกับเหล่าผู้นำของสภา ได้แก่ นายจอห์น โบห์นเนอร์ โฆษกสภา นางแนนซี่ เพโลซี่ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นายแฮรี่ รีดหัวหน้าระดับสูงพรรคฝ่ายรัฐบาล และนายมิช แมคคอเนล หัวหน้าระดับสูงพรรคฝ่ายค้านในวันพรุ่งนี้ในประเด็น Fiscal Cliff ซึ่งเป็นการเจรจาตัวต่อตัวเป็นครั้งแรกระหว่างฝ่ายบริหารระดับสูงกับสมาชิก ระดับสูงของสภา นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. นายบัฟเฟตคาดว่าปัญหา Fiscal Cliff จะสามารถแก้ได้ แต่ไม่ใช่ภายในสิ้นปีนี้ แต่ไม่ได้ระบุว่าแนวทางการแก้ปัญหารูปแบบใดที่จะทำให้เขาพึงพอใจ แต่เขากล่าวว่าแนวทางการแก้ปัญหาที่ได้ควรจะทำให้สหรัฐมีรายได้ 18.5% ของจีดีพี และมีค่าใช้จ่ายที่ 21% ของจีดีพี ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่มีความยั่งยืน เนื่องจากจะทำให้อัตราหนี้ต่อจีดีพีไม่เพิ่มขึ้น และอาจจะลดลงได้ในเวลาต่อมา พร้อมทั้งกล่าวว่า ปัญหา Fiscal Cliff ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวของเขา ขณะที่เขาได้โต้แย้งว่าชนชั้นกลางกำลังถูกบังคับให้จ่ายภาษีสำหรับประกัน สังคมและประกันสุขภาพอย่างไม่ยุติธรรม และกล่าวว่ามันเป็นภาษีที่รุนแรงที่สุด สำหรับข่าวทางฝั่งยุโรป นายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราสของกรีซ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า แนวทางสู่การฟื้นตัวของกรีซได้เปิดกว้างในขณะนี้ หลังจากที่มีการบรรลุข้อตกลงระหว่างยูโรโซนและไอเอ็มเอฟว่าด้วยการช่วยเหลือ ทางการเงินสำหรับกรีซ อัตราเงินเฟ้อรายปีของเยอรมนีอยู่ที่ 1.9% ในเดือนพ.ย. ชะลอตัวลงจาก 2.0% ในเดือนต.ค. เนื่องจากราคาพลังงานลดลงเมื่อเทียบเดือนต่อเดือน ช่วยชดเชยราคาอาหารที่สูงขึ้น ทั้งนี้แรงกดดันจากเงินเฟ้อไม่น่าจะเป็นประเด็นเร่งด่วนสำหรับการประชุมของ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากมีการตั้งเป้าเงินเฟ้อไว้ต่ำกว่า 2.0% นอกจากนั้นยังบ่งชี้ว่าอีซีบีอาจสามารถลดดอกเบี้ยได้อีกครั้งในอีกไม่กี่ เดือนข้างหน้า อีซีบีอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างสำหรับธนาคารสเปน 4 แห่ง ซึ่งได้แก่ บีเอฟเอ/บังเกีย, เอ็นซีจี บังโก, คาตาลุนยา แบงก์ และบังโก เด บาเลนเซีย ทั้งนี้นายโจคิม อัลมูเนีย กรรมาธิการด้านการแข่งขันของอียูกล่าวในการแถลงข่าวว่า ธนาคารสเปนทั้ง 4 แห่งดังกล่าวจะต้องได้รับเงิน 3.7 หมื่นล้านยูโร (ราว 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อใช้ในการเพิ่มทุน และผู้ถือตราสารของธนาคารดังกล่าวจะเผชิญกับภาวะขาดทุน กองทุนทองคำ SPDR เปิดเผยปริมาณการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นอีก 1.205 ตัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,347.018 ตัน เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - New Home Sales เดิมอยู่ที่ระดับ 389K ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 368K (คาดการณ์ 387K) - Crude Oil Inventories เดิมอยู่ที่ระดับ -1.5M ตัวเลขจริงปรับตัวสู่ระดับ -0.3M (คาดการณ์ 0.5M) ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Prelim GDP q/q เดิมอยู่ที่ระดับ 2.0%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.8% - Unemployment Claimsเดิมอยู่ที่ระดับ 410K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 392K - Pending Home Sales m/m เดิมอยู่ที่ระดับ 0.3%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.9% วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วรุนแรงในช่วงตลาด COMEX เมื่อวานนี้ท่ามกลางความตื่นตกใจและเป็นแรง Panic Selling ของนักลงทุน โดยเริ่มจากราคาปรับตัวลดลงจนหลุดระดับแนวรับสำคัญแนวแรกที่ระดับ 1,730 เหรียญลงมา และเกิดAutomatic Computerized Stop Selling บริเวณ 1,737 เหรียญ ทำให้ราคาหลุดอย่างรวดเร็วลงมาที่ 1,718 เหรียญ หลังจากนั้นก็ยังมีแรงเทขายต่อเนื่องจนหลุดแนวรับที่สองที่สำคัญที่ระดับ 1,710 เหรียญ ทำให้ราคาลงไปทำจุดต่ำสุดที่ประมาณ 1,706เหรียญ และสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดปลายตลาด COMEX ที่ระดับ 1,716.5 เหรียญ สาเหตุทั้งหมดเป็นจากการที่ตัวสัญญา Optionจะหมดอายุในวันนี้จึงทำให้เกิดแรงเทขายโยกย้ายสัญญาทั้งในสัญญา Option และ Futures ในตลาด COMEX และตามมาด้วยภาวะ Stop Selling Computerize ราคาจึงร่วงลงอย่างรวดเร็ว ในเชิงเทคนิคนั้น การที่ราคาตกลงมาทำให้ภาพรวมของกราฟทางเทคนิคยังมีความสับสนในทิศทางอีก ครั้งหนึ่ง หลังจากที่ทะลุแนวรับสำคัญทุกแนวลงมา จึงทำให้ราคาน่าจะเคลื่อนตัวในทิศทางSideway หรือไม่ชัดเจนในระยะสั้นๆ MTS Gold ยังวิเคราะห์ว่า การตกน่าจะมีการ Rebound ได้ในคืนนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบรับของเศรษฐกิจในคืนนี้ว่าจะเป็นอย่างไร และเป็นวันสิ้นสุดสัญญา มีความเป็นไปได้ทั้งสองทางที่จะตกต่อถ้าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีขึ้น และการ Roll Over ที่จะสิ้นสุดวันนี้ ในขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,705 เหรียญ ซึ่งถ้าตกหลุดลงมาก็จะต้องบริหารเงินลงทุนในภาวะการแกว่งตัวอย่างมากของทิศ ทางของตลาด สรุปได้ว่า คิดว่าราคาจะเป็นการตกจากสาเหตุเดียวและน่าจะสามารถRebound ได้ในช่วง 2 — 3 วัน แนวต้านของทองคำตอนนี้กลับมาอยู่ 1,730 เหรียญอีกครั้งหนึ่ง Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,090 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,250 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,450บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,010 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,040 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัว ซึ่งน่าจะสลับขึ้นลงกันได้ คาดว่าวันนี้จะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,715 — 1,725 เหรียญ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ยังเป็นการรอและบริหารพอร์ทให้เหมาะสม Portfolio ที่มีอยู่ 50% ไม่คติดว่าจะต้องหนี น่าจะสามารถืถครองยาวได้ รอซื้อถ้าเกิด Panic Selling อีกครั้งเท่านั้น นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง เป็นลักษณะการรอช้อนซื้อเมื่อราคาลงมาบริเวณ 1,700 เหรียญ Portfolio อยู่ที่ระดับ 50-60% บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้ วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ