กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--อีริคสัน
อีริคสันรายงานการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซื้อและช้อบปิ้ง
- “in-line shopping” (อินไลน์ช้อบปิ้ง) ได้กลายเป็น คำนิยามใหม่ที่สะท้อนพฤติกรรมการช้อบปิ้งของผุ้บริโภค ที่จะเลือกดูสินค้าของจริงในร้านค้า (in-store shopping) ควบคู่ไปกับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์โดยตรง (online shopping)
- 39 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐอเมริกา ใช้โทรศัพท์ของพวกเขาในการจ่ายเงินซื้อของเล็กๆน้อยๆ ใช้สแกนบาร์โค้ดสินค้า หรือใช้ดาวน์โหลดคูปองต่างๆ
- ผู้ขายสินค้าจะได้รับประโยชน์ หากเข้าใจผู้บริโภค ที่ต้องการซื้อสินค้าให้ได้ในทันทีที่อยากได้ และสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทั้งในร้านค้าจริงและบนช่องทางออนไลน์ควบคู่กันอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลการสำรวจที่กล่าวมาข้างต้นรวมทั้งข้อสังเกตอื่นๆ อยู่ในรายงานพฤติกรรมผู้บริโภค เรื่อง “In-Line Shopping” (อินไลน์ช้อบปิ้ง) ที่ร่วมกันเขียนโดย Copenhagen Institute for Futures Studies และ Ericsson ConsumerLab
โลกแห่งสังคมเครือข่าย (Networked Society) ในยุคปัจจุบัน ทำให้เราสามารถเลือกที่สลับปรับเปลี่ยนระหว่างโลกออฟไลน์ (โลกปัจจุบัน) กับโลกออนไลน์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และอีกไม่นานเราคงอาจจะไม่สามารถแยกโลกออนไลน์ ออกจากโลกออฟไลน์ได้อย่างเด็ดขาด เพราะคนในยุคปัจจุบันสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ทได้ตลอดเวลา โดยเกือบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกล้วนเข้าสู่โลกออนไลน์ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงด้วยซ้ำ และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ mobile applications นั้นเองก็มีส่วนสำคัญที่ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกซื้อและช้อบปิ้งอีกด้วย
ลักษณะเช่นนี้ได้มีการกล่าวถึงไว้ ในรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เรื่อง “In-Line Shopping” ที่ร่วมกันเขียนโดย Copenhagen Institute for Futures Studies และ Ericsson ConsumerLab โดยรายงานนี้ได้ใช้ข้อมูลจากผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2012 และแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคนิยมใช้สมาร์ทโฟนระหว่างการเลือกซื้อของ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยสี่ในสิบของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐอเมริกา ใช้โทรศัพท์ของพวกเขาในการจ่ายเงินเล็กๆน้อยๆ, ใช้สแกนบาร์โค้ดสินค้า, หรือใช้ดาวน์โหลดคูปองต่างๆ เป็นต้น
รายงานนี้ยังชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยให้คำนิยามว่า “in-line shopping” ซึ่งหมายถึง การที่ผู้บริโภคนิยมใช้ทั้งการเลือกซื้อของบนอินเตอร์เน็ท (online shopping) และการเข้าไปดูของที่ร้านจริงๆ (in-store shopping) ควบคู่กันไป หรือในอีกแง่หนึ่ง หมายถึง การที่ผู้บริโภคมักต้องการเห็น, สัมผัส, ลองสินค้า, เปรียบเทียบราคา, เข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้านั้น และรวมไปถึงการจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าโดยไม่ต้องต่อแถวรอ
คุณ ไมเคิล บีเยอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Ericsson ConsumerLab กล่าวว่า “ผู้บริโภคล้วนต้องเลือกซื้อของหลากชนิด เป็นประจำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ดังนั้น Application ที่จะช่วยให้การช็อปปิ้งกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายย่อมจะเป็นที่ต้องการ และในลักษณะเช่นเดียวกัน ที่ผู้คนต้องการเข้าถึงอินเตอร์เน็ทได้แบบทุกที่ทุกเวลา พวกเขาก็ควรจะสามารถซื้อของได้ในทันทีที่ต้องการหรือมีความจำเป็นด้วย ดังนั้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าต่างๆ ควรทำความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคดังที่ได้กล่าวมา และปรับตัวให้ทัน เพื่อความสำเร็จในอนาคตต่อไป”
โดยรวมแล้ว ผู้ที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน มักมีความสนใจในการเลือกซื้อของแบบออนไลน์ มากกว่าผู้ที่ไม่มี และพบว่าจากแปดในสิบสองประเภทสินค้าที่ได้มีการสำรวจ ผู้บริโภคนิยมใช้ทั้งการเข้าไปดูสินค้าจริงในร้าน (in-store shopping) ควบคู่ไปกับการใช้ช่องทางออนไลน์ (online shopping) มากกว่าที่จะตัดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว
รายงานฉบับสมบูรณ์ ของ พฤติกรรมอินไลน์ช้อบปิ้งของผุ้บริโภค (In-Line Shopping consumer insight report):
www.ericsson.com/res/docs/2012/consumerlab/in-line-shopping.pdf
เกี่ยวกับ Ericsson ConsumerLab
Ericsson ConsumerLab เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ การนำเสนอหลักของเราคือการเข้าใจอย่างถ่องแท้ เรามีประสบการณ์ด้านการวิจัยผู้บริโภคมากกว่า 15 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาคุณค่าและพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงวิธีที่พวกเขาดำเนินการและคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้าน ICT เราให้ข้อมูลการเข้าใจอย่างถ่องแท้ของผู้บริโภคเพื่อกำหนดกลยุทธ์ การตลาดและการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ภายในกลุ่มบริษัทอีริคสัน ความรู้ของเราช่วยให้บรรดาผู้ประกอบการพัฒนาบริการที่สร้างรายได้ที่น่าดึงดูดใจได้
บริษัทอีริคสันเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลกสำหรับบรรดาผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคม บริษัทอีริคสันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมือถือในระบบ 2G, 3G และ 4G และจัดหาการสนับสนุนสำหรับเครือข่ายต่างๆโดยมีผู้สมัครสมาชิกกว่า 2 พันล้านรายและอยู่ในแนวหน้าด้านการบริการการจัดการ (managed services) ผลงานของบริษัทประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายของระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบเคลื่อนที่ การบริการโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์ โซลูชันด้านบรอดแบนด์และมัลติมีเดียสำหรับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่าย วิสาหกิจและอุตสาหกรรมมีเดีย บริษัทโซนีอิริคสันและเอสที-อีริคสันซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนเป็นบริษัทที่จัดหาอุปกรณ์มือถือส่วนบุคคลที่มีคุณลักษณะที่ครบถ้วนสำหรับผู้บริโภค
บริษัทอีริคสันกำลังทำให้วิสัยทัศน์ในการเป็น “ผู้ผลักดันหลักในโลกที่มีการสื่อสารทั้งหมด” ของบริษัทก้าวไกลโดยผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยีและโซลูชันทางธุรกิจที่ยั่งยืน บริษัทอีริคสันมีการปฏิบัติการใน 180 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 80,000 คนมีรายรับ 206.5 พันล้านโครน (27.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2552 ก่อตั้งในปี 2419 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน บริษัทอีริคสันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ OMX ในสตอกโฮล์มและ NASDAQ นิวยอร์ก