สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 3, 2012 10:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,726 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,723 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.70 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,000 บาท กับ 25,100 บาท และกลับมาปิดที่ 25,050 บาท กับ 25,150 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,925 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 8,707 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 124 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.8% แบบ 10 บาท ลดลง 0.2% Silver Futures เพิ่มขึ้น 1.2 % GFZ12 ปิด 25,280 บาท และ GFG12 ปิด 25,410บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,290บาท GF10G12 ปิดที่ 25,410บาท SVZ12 ปิดที่ 1,049บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 16.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,712 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 1.15 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.27 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,348.82 ตัน ( ซื้อเข้า 1.8 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 84 เซ็นต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 88.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 3.76 จุด ปิดที่ 13,025.58 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 50.96 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC - ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงเกือบ 1% โดยเป็นวันสุดท้ายของเดือนที่นับว่าเป็นเดือนที่ 2 แล้วที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยเดือนตุลาคมที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงประมาณ 3% ในขณะที่เดือนพฤศจิกายนราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.4% จากความกังวลว่าภาวะ Fiscal Cliff อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และเมื่อวันศุกร์เป็นช่วงสิ้นเดือนที่นักลงทุนเข้าทำกำไรซึ่งได้กระตุ้นให้เกิด Sell Orders อย่างมากมาย ส่งผลให้ราคาปิดตลาด COMEX ลดลง 16.8 เหรียญ ที่ระดับ 1,712.7 เหรียญ ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 140,000 ล็อต ประมาณ 25% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 250 วัน โดยจุดเปลี่ยนนี้มีการปรับตัวลดลงอย่างมากหลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 486,315 คู่สัญญาเมื่อวันพุธ ในขณะที่ลอนดอน เบส โบรกเกอร์ ไทรแลนด์ เมเทิลส์ ได้ระบุว่า Open Interest ในสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงถึง 40,000 ล็อตในช่วง 3 วันที่ผ่านมาจากการปรับเปลี่ยนพอร์ทของนักลงทุน ราคาทองคำใช้เวลาตลอดทั้งวันศุกร์ย่ำอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว แต่ภายหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ส่วนบุคคลและตัวเลขการใช้จ่ายต่างๆ ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม นายวิลเลี่ยม อดัมส์ นักวิเคราะห์จากฟาสต์มาร์เก็ตสได้กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่างๆ ที่ออกมาน่าผิดหวังทั้งในส่วนของการใช้จ่ายและรายได้ แม้ว่าจะมีสัญญาของภาวะเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย แต่ตลาดกำลังมีปฏิกิริยาตอบกลับในเชิงลบต่อตัวเลขเศรษฐกิจ หรือกำลังใช้ผลของตัวเลขเป็นข้ออ้างในการเข้าทำกำไร นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาทองคำดูจะชะลอตัวลงจากการประกาศตัวเลข Chicago PMI ที่ออกมาที่ 50.4 ซึ่งยังบ่งชี้ถึงการขยายตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักยังคงมุ่งมาที่ประเด็น Fiscal Cliff โดยความขัดแย้งเกี่ยวกับข้อตกลงเพื่อเลี่ยงภาวหน้าผาทางการคลังในสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป โดยราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากโฆษกสภา นายจอห์น โบห์นเนอร์ ได้กล่าวว่า ผู้กำหนดกฎหมายของสหรัฐจากพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครตกำลังอยู่ในลักษณะคุมเชิงกันอยู่ในเรื่องข้อตกลงด้านงบประมาณ อีกทั้งนักลงทุนเกี่ยวกับองค์กรสำคัญๆ บางรายยังได้ลดสถานะการถือครองทองคำลง ซึ่งมีความกังวลว่าความล้มเหลวในข้อตกลงทางด้านงบประมาณนี้อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและกัดกร่อนความน่าดึงดูดใจของทองคำลง CME Group ระบุในรายงานความคิดเห็นตลาดว่า มีการเก็งกำไรในตลาดทองคำทั้ง 2 ฝั่งจึงทำให้ราคาในช่วงแรกของวันศุกร์ไม่เปลี่ยนแปลงนัก ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากความกังวลในเรื่อง Fiscal Cliff ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่ และการหลุดระดับแนวรับที่ 2 ได้ก่อให้เกิดการเข้าใกล้สัญญาณขาลงของราคาทองคำ - ในภาคการซื้อขายปลีก ปริมาณความต้องการทองคำแท่งยังคงดูแข็งแกร่ง โดยยอดขายเหรียญทอง American Eagle gold coin ของสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายนทำจุดสูงสุดในรอบ 14 ปี จากความไม่แน่นอนในเรื่อง Fiscal Cliff ที่แผ่ขยายไปทั่วสหรัฐ รวมไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้เกิดการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย - ปริมาณการถือครองทองคำของกองทุน SPDR ยังคงยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,348.826 ตัน ซื้อเพิ่มเข้ามาเมื่อวันศุกร์อีก 1.808 ตัน โดยตลอดเดือนพฤศจิกายนทาง SPDR เพิ่มการสำรองทองคำเกือบ 11 ตัน เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 - World Gold Council ได้รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ปริมาณความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2013 อาจมีผลจากความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน และการฟื้นตัวในอินเดีย ซึ่งเป็นการช่วยให้ทองคำยังคงอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 13 - วุฒิสภาสหรัฐมีมติอนุมัติการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อภาคธุรกิจพลังงาน เดินเรือและต่อเรือของอิหร่าน ด้วยคะแนนเสียง 94-0 ซึ่งเป็นการเห็นชอบมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่เสนอโดยวุฒิสมาชิกบ็อบ เมเนนเดซ และวุฒิสมาชิกมาร์ค เคิร์ก อันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายด้านกลาโหมที่มี้เนื้อหาครอบคลุม นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาออกโรงเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า การที่เกาหลีเหนือเตรียมยิงจรวดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้งในเดือนนี้ จะส่งผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค - สำหรับข่าวทางฝั่งยุโรป เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ประกาศลดอันดับกองทุนช่วยเหลือทางการเงิน EFSF และกองทุน ESM สู่ระดับ Aa1 จาก Aaa ตามมาหลังจากที่มูดี้ส์ได้ดาวน์เกรดฝรั่งเศสก่อนหน้านี้ อัตราการว่างงานของยูโรโซนประจำเดือนตุลาคมแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีคนว่างงานเพิ่มขึ้นอีก 173,000 ราย ในขณะที่ราคาผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีได้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า กลุ่มเจ้าหนี้ของกรีซอาจมองหาหนทางการตัดลดหนี้ของกรีซเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่ก่อนช่วงที่การช่วยเหลือทางการเงินในปัจจุบันดำเนินอยู่ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลีเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด สู่ระดับ 11.1% จากระดับ 10.8% ในเดือนก.ย. ทำสถิติพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจปรับลดการจ้างงาน หลังจากที่อิตาลีเผชิญภาวะถดถอยเป็นปีที่ 2 ในช่วงเช้านี้ราคาทองคำยังคงไม่เคลื่อนไหวมากนัก หลังจากที่ปรับตัวลดลงไปติดต่อกัน 2 เดือน จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาทางด้านงบประมาณของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นักเก็งกำไรต่างๆ มีการเพิ่มการลงทุนในทองคำขา Long ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม รวมไปถึงการที่กองทุน ETFs ได้ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ยังชี้ให้เห็นถึงความสนใจในทองคำยังมีอยู่ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Core PCE Price Index m/m ออกมาที่ระดับ 0.1% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1 % - Personal Spending m/m ออกมาที่ระดับ -0.2% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.8% - Chicago PMI ออกมาที่ระดับ 50.4 จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 49.9 ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ISM Manufacturing PMI คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 51.5 ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 51.7 วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — โดยภาพรวมราคาทองคำในช่วงตลาด COMEX ในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ยืนขึ้นได้ในวันพฤหัสบดีและไปสัมผัสที่บริเวณ 1,730 เหรียญ ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีกครั้งโดยยังเป็นความกังวลของนักลงทุนและไม่มีความแน่ชัด ภาพรวมตลาดยังให้ความสนใจภาวะ Fiscal Cliff สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจในคืนวันศุกร์ไม่มีผลกระทบใดๆ เนื่องจากตัวเลขออกมาทรงตัวคือตัวเลข CPI และตัวเลขในคืนวันพฤหัสบดีก็ไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบกับทองคำ แต่ทำให้ราคาทองคำสามารถดีดกลับ ภาพรวมราคาทองคำน่าจะถูกกดดันจากการที่สิ้นสุดอายุสัญญาออปชั่นและสัญญาฟิวเจอร์ส คาดว่าวันนี้น่าจะไม่มีผลแล้ว และน่าจะหยุดตกได้ โดยราคาทองคำวันนี้น่าจะเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,710-1,730 เหรียญ ภาพรวมยังแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูผลการประชุม Fiscal Cliff ที่จะมีผลในสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่เทศกาลคริสมาส ในเชิงเทคนิคจะเห็นได้ว่าราคาทองคำขึ้นลงสลับกัน โดยมีบริเวณแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,720-1,725 เหรียญ ซึ่งจะมีค่าเฉลี่ยไปกองอยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ราคาจะสามารถกลับไปเป็นขาขึ้นได้ก็ต่อเมื่อราคากลับไปยืนเหนือระดับ 1,735 เหรียญได้เท่านั้น สัญญาณโดยทั่วไปเป็นทั้งเชิงบวกและลบสลับกัน โดยสัญญาณระยะสั้นเป็นลักษณะ Technical Rebound สัญญาณระยะกลางยังไม่มีความแน่นอน คือทั้งบวกและลบ แนะนำให้ระยะกลางและยาวยังไม่ต้องทำอะไร ให้รอความชัดเจนก่อน ส่วนนักลงทุนระยะสั้นแนะนำให้เข้าเร็วออกเร็วโดยคาดว่าราคาน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบที่ระดับ 1,710-1,730 เหรียญเท่านั้น Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,150 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,320 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,450 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,020 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,060 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว เป็นการเข้าเร็วออกเร็วในกรอบแคบๆที่ระดับ 1,712-1,725 เหรียญ และให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น ขายในกรอบสั้นๆแคบๆ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ถือครอง Portfolio เท่าเดิม 50% เป็นการรอความชัดเจนของตลาด ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อเพิ่ม รอจังหวะขายทำกำไรเมื่อแนวต้านเท่านั้น นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ถือครอง Portfolio อยู่ที่ระดับ 50-60% เป็นการรอความชัดเจนของตลาด ยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อเพิ่ม รอจังหวะขายทำกำไรเมื่อแนวต้านเท่านั้น บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ