กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
กองทุนเปิด ‘ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล’ พร้อมจ่ายปันผลครั้งแรกปลื้มผลงานเด่น จ่ายปันผล 0.365 บาทต่อหน่วยสร้างผลตอบแทนดีนับแต่จัดตั้งกองทุน-30 พ.ย.55 ได้ที่ 11.76%กระแสตอบรับดี เดินหน้าประกาศเพิ่มทุนเป็น 5 พันล้าน
บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เผย “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล” พร้อมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุน เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2555 กำหนดจ่ายในอัตรา 0.365 บาทต่อหน่วย คิดเป็นผลตอบแทน 3.65% จากราคาพาร์ 10 บาท สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 8 ก.ย.ถึง 31 ต.ค. 2555 รับอานิสงส์ การปรับตัวสูงขึ้นของดัชนีราคาหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นที่เข้าลงทุน ที่เน้นหุ้น Value stock ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง มีโอกาสในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นที่มี P/E Ratio และ P/BV Ratio อยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ปลื้มผลตอบแทนนับจากจัดตั้งกองทุนได้ที่ 11.76% สูงกว่าดัชนี SET Index ที่ 6.25% ชี้กระแสตอบรับดี นักลงทุนสนใจลงทุนคึกคัก ล่าสุดประกาศเพิ่มทุนเป็น 5 พันล้านบาท
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะทำการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราหน่วยละ 0.365 บาท คิดเป็น 3.65% จากมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หน่วยละ 10 บาท ซึ่งนับเป็นการจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2555 โดยเป็นการจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 8 กันยายนถึง 31 ตุลาคม 2555 คิดเป็นระยะเวลาลงทุน 54 วัน ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อจ่ายปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 และกำหนด จ่ายปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม 2555
พร้อมกันนี้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) ยังประกาศเพิ่มทุนเป็น 5,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่มีผู้ให้ความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก
สำหรับ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่ดี มีกิจการมั่นคง มีความสามารถ ในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และมีรายได้ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงต้องมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในกลุ่มเดียวกัน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารดังกล่าวไม่น้อยกว่า 80% ในแต่ละรอบบัญชี ส่วนที่เหลืออีก 20% จะลงทุนในตราสารอื่น
“จุดเด่นของกองทุนนี้อยู่ที่การเน้นลงทุนในหุ้น Value ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง โดยลักษณะสำคัญของหุ้น Value ประกอบด้วย อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ในระดับที่สูง อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) อยู่ในระดับต่ำ และอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV Ratio) อยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้น การลงทุนในหุ้น Value จึงเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว และมีความผันผวนต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นประเภทอื่น ซึ่งเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้ โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 7 กันยายน 2555 — 30 พฤศจิกายน 2555 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ที่ 11.76% สูงกว่าดัชนี SET Index ที่ 6.25% ซึ่งนับว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนภายในระยะเวลาไม่นาน ทำให้กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลครั้งแรกได้ในอัตรา 0.365 บาทต่อหน่วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี กล่าว
นอกจากภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) เริ่มลงทุนจะปรับตัวสูงขึ้น จากดัชนีที่ระดับ 1,246 จุดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2555 เป็น 1,298.87 จุด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2555 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของกองทุนดีขึ้นแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการยังอยู่ที่กลยุทธ์การลงทุนที่โฟกัสไปที่หุ้นในกลุ่ม Value Stock ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทย
ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ยังได้มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.75% โดย ธปท. ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพและมีสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนดีขึ้นกว่า ที่คาด โดยเฉพาะภาคที่อยู่อาศัยและการจ้างงานในสหรัฐฯ แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนของการต่ออายุมาตรการด้านการคลัง ของสหรัฐฯ ที่ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณดีขึ้นทั้งในภาคการส่งออก การลงทุนและการบริโภคในประเทศ ส่วนเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรยังคงหดตัว แต่คาดว่า ภาวะเศรษฐกิจการเงินจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปีหน้าจากมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่มีความชัดเจนขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น ธปท.ระบุว่า มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเทียบกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยผลกระทบของเศรษฐกิจโลกยังจำกัดอยู่เฉพาะในภาคที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้า ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศที่ดีกว่าประมาณการครั้งก่อน ซึ่งช่วยรองรับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอลง ทำให้เมื่อมองไปข้างหน้า ก็คาดว่าการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งแรกของปี 2556 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจต่อไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและภาวะการเงินที่ผ่อนปรน สินเชื่อขยายตัวสูง สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับการประชุมครั้งก่อน
ซึ่ง บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ประเมินว่า “ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีความแข็งแกร่งขึ้น เมื่อผนวกกับกลยุทธ์การคัดกรองหุ้นคุณภาพ จะทำให้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) เดินหน้าตามนโยบายในการจ่ายเงินปันผล 4 ครั้งต่อปี ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของกำไรสุทธิแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีการจ่ายเงินปันผลได้อย่างแน่นอน ดังนั้น กองทุนนี้จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนของนักลงทุนที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว” นายจุมพลกล่าว
ผู้สนใจลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลู โฟกัส อีควิตี้ ปันผล (VFOCUS-D) สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โทรศัพท์ 02-688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th