กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ปตท.
ราคาน้ำมันเฉลี่ยในสัปดาห์ที่ 26-30 พ.ย. น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ปรับตัวลดลง 0.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 108.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 0.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 110.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 0.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 87.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง 1.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 121.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 125.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ไม่มีความคืบหน้า เพิ่มความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐฯ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะงบประมาณรายจ่ายถูกลดขณะที่ภาษีเพิ่มมากขึ้นวงเงินรวมถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
- Reuters คาดการณ์ปริมาณการส่งออกของกลุ่ม OPEC ยกเว้นแองโกลาและเอกวาดอร์ใน 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. 55 เพิ่มขึ้น 640,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 4 สัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 24.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิรักเดือน ต.ค. 55 เพิ่มขึ้น 220,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อน อยู่ที่ระดับ 2.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- The National Development and Reform Commission (NDRC) ของจีนรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ต.ค. 55 เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 17.82 ล้านตัน
ปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- รัฐมนตรีพาณิชย์จีนยืนยันอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 7.5% และการค้าต่างประเทศของจีนจะปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่ปีนี้
- รัฐมนตรีคลังยุโรปและกรีซบรรลุข้อตกลง อาทิ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทวิภาคี (Bilateral Loan) ระหว่างประเทศ ให้แก่กรีซลง 0.01% และกรีซได้รับการผ่อนผันระยะปลอดดอกเบี้ย EFSF อีก 10 ปี ส่งผลให้กรีซยังได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป โดยไม่ผิดนัดชำระหนี้
- กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3/55 เพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 2.7% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2%
- ประชาชนอียิปต์ชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดี นายโมฮาเหม็ด มอร์ซีที่ออกกำหมายใหม่เพิ่มอำนาจให้ตนเองโดยการประท้วงทำให้เกิดความวุ่นวายและแบ่งประเทศออกเป็นฝักฝ่าย ทั้งนี้หากอียิปต์เกิดวิกฤติในประเทศภูมิภาคตะวันออกกลางจะสูญเสียเสถียรภาพทางการเมือง
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน แม้สหรัฐฯ กำลังพิจารณาอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่เข้มงวดขึ้น โดยล่าสุดเน้นจำกัดการใช้ทองคำแท่งซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านที่ตุรกีดำเนินการอยู่ เพื่อปิดช่องโหว่และเพิ่มแรงกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ด้วยวิธีทางการทูต ซึ่งอิสราเอลมองว่าเป็นวิธีที่ไม่ได้ผลเท่าการใช้กำลังทหาร ส่งผลให้ความกังวลต่อปัญหา Supply Disruption เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตในทะเลเหนือและไนจีเรียยังไม่กลับมาดำเนินการเต็มที่ ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นและจะขยายตัวต่อไปจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือน พ.ย. 55 อยู่ที่ 50.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.4 จุด และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ลดความร้อนแรง หลังการแสดงพลังของผู้สนับสนุนประธานาธิบดีอียิปต์กว่า 200,000 ราย ไม่ก่อความรุนแรงยืดเยื้อ โดยอียิปต์จะลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ และตัวแทนของซูดานใต้บรรลุข้อตกลงด้านพรมแดนกับซูดาน ทำให้การผลิตน้ำมันกว่า 350,000 บาร์เรลต่อวัน จะเริ่มดำเนินการเร็วๆ นี้จากกำหนดเดิม 15 พ.ย. 55 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 4/55 มีแนวโน้มอ่อนตัวกว่าที่ประเมิน หลังรายงานการใช้จ่ายของเอกชนเดือน ต.ค. 55 ลดลง 0.25% และยอดขายผู้ค้าปลีกรายใหญ่เดือน พ.ย. 55 ลดลง บ่งชี้ผลกระทบเชิงลบของพายุเฮอริเคน Sandy ทั้งนี้ให้จับตาการเจรจาเกี่ยวกับการเก็บภาษีผู้มีรายได้สูงในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในการหาทางออกจากหน้าผาทางการคลัง คาดว่าสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent เคลื่อนไหวในกรอบ 87.3-90.2 USD/BBL และ 108.5-112.2 USD/BBL ตามลำดับ