สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 4, 2012 11:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,719 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,717 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.62 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,900 บาท กับ 25,000 บาท และกลับมาปิดที่ 24,900 บาท กับ 25,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 3,225 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 7,306 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 173 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 6% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 3% Silver Futures เพิ่มขึ้น 0.6% GFZ12 ปิด 25,130 บาท และ GFG12 ปิด 25,280บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,120บาท GF10G12 ปิดที่ 25,280บาท SVZ12 ไม่มีปริมาณการซื้อขายช่วงกลางคืน สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 8.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,721.1 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.75 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,348.82 ตัน ( เท่าเดิม ) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 18 เซ็นต์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 89.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 59.98 จุด ปิดที่ 12,965.60 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 50.96 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ - เมื่อวานนี้ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตลาดที่เงียบเหงา และจากข่าวที่ออกมาว่าค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และทองคำ มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ และช่วยกระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ รวมถึงข่าวการประกาศตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐและจีนที่ออกมา ทั้งหมดนี้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ในขณะที่นักลงทุนยังคงเฝ้าระวังถึงความไม่แน่นอนจากการหารือในปัญหา Fiscal Cliff ที่กำลังจะมาถึงด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า จากการที่กองทุนถือครองทองคำ SPDR อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นในทองคำมากขึ้น - นอกจากนี้ สัญญาทองคำพุ่งขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อ เทียบกับยูโร หลังจากรัฐบาลกรีซได้เปิดตัวโครงการซื้อคืนพันธบัตรวงเงิน 1 หมื่นล้านยูโร (1.3 หมื่นล้านดอลลาร์) เมื่อวานนี้ ด้วยความหวังที่จะลดภาระหนี้สินที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการให้เงินช่วยเหลือ จากนานาประเทศในอนาคต นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่บรรดาเจ้าหนี้นานาประเทศได้ ให้ความเห็นชอบร่วมกันเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดใหม่มูลค่า 3.4 หมื่นล้านยูโรให้กับกรีซในเดือนธ.ค. - ในขณะที่สหรัฐปรับตัวลดลงเกินกว่าที่คาดการณ์ โดยที่สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 51.7 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งหลังจากที่ขยายตัวติดต่อกันสองเดือน เนื่องจากดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว ซึ่งมีสาเหตุมาจากซูเปอร์สตอร์มแซนดี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหน้าผาการคลังที่อาจส่งผลให้มีการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายโดยอัตโนมัติในเดือนม.ค. ประกอบกับยอดสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานในภาคการผลิตที่ลดลง แต่ผลสำรวจจากมาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเดือนพ.ย.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จาก 51.0 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขขั้นต้นเดือนพ.ย.ที่ระดับ 52.4 โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตสหรัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจกับดัชนี PMI ที่จัดทำโดยมาร์กิตเพื่อใช้เป็นข้อมูลชี้วัดกิจกรรมในภาคการผลิตและบริการในประเทศ ซึ่งภาพรวมนักวิเคราะห์มองว่าสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง - ตลาดยังคงให้ความสนใจกับปัญหา fiscal cliff ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และพรรครีพับลิกันดูเหมือนว่ายังคงห่างไกลจากการเจรจาที่แท้จริง แต่นักสังเกตการณ์วอชิงตันคาดว่าการจัดการปัญหา fiscal cliff น่าจะสรุปได้ก่อนที่จะใกล้ช่วงเวลาสุดท้ายที่กำหนดไว้ ทางด้านทำเนียบขาวได้ปฏิเสธข้อเสนอการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง "fiscal cliff" ของพรรครีพับลิกัน โดยกล่าวว่า ข้อเสนอของรีพับลิกัน "ไม่ได้ช่วยให้งบประมาณอยู่ในภาวะสมดุล" โดยที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ CNN ว่า รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณ หากไม่ปล่อยให้มาตรการลดภาษีสำหรับคนร่ำรวยหมดอายุลงตามกำหนด ทั้งนี้สหรัฐจะเผชิญกับมาตรการปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า นอกเสียจากว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยที่ผ่านมานั้น พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการลดหนี้สาธารณะซึ่งอยู่ที่ราว 16.2 ล้านล้านดอลลาร์ - ด้านฝั่งยุโรป สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเกือบทุกสกุลเงินหลัก ในขณะที่กรีซเตรียมใช้เงิน 1 หมื่นล้านยูโร (1.3หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อคืนพันธบัตรที่ได้มีการเสนอขายไปเมื่อต้นปีนี้ ด้วยความหวังที่จะลดภาระหนี้สินที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการให้เงินช่วยเหลือจากนานาประเทศในอนาคต - สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะของกรีซได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ เชิญชวนผู้ถือพันธบัตรให้นำพันธบัตรของตนมาเข้าร่วมการประมูล โดยให้ราคาซื้อสูงสุดเฉลี่ยที่ 34.1% สำหรับพันธบัตรที่มีกำหนดไถ่ถอนในช่วงปี 2567 — 2585 - HSBC Holdings รายงานในวันนี้ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเดือนพ.ย.ของจีน ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 49.5 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนเริ่มดีดตัวขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนปีนี้ - สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายมาซาอะกิ ชิรากาวา ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารกลางต่างๆจำเป็นต้องมีมุมมองระยะยาวในด้านนโยบายทางการเงิน และบีโอเจจะตัดสินใจด้วยแนวทางของตนเอง ในขณะที่พิจารณาสถานการณ์ต่างๆของตลาดการเงิน โดยย้ำว่าบีโอเจจะดำเนินการผ่อนคลายทางการเงินอย่างจริงจัง ถึงแม้สถานการณ์ในตลาดเงินจะยังคงเป็นแหล่งข้อมูลส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับธนาคารกลาง แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องตัดสินใจโดยไม่อิงความเคลื่อนไหวในตลาด ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนออกมาที่ระดับ 49.5 จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 51.7 วันนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทาง Sideway Down โดยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆที่ระดับ 1,710-1,725 เหรียญ ยังค่อนข้างจะไร้ทิศทางและมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ตลาดยังรอความชัดเจนในการตัดสินใจปัญหา Fiscal Cliff และค่าเงินยูโรเองดูเหมือนจะแข็งค่าขึ้น จากการที่กรีซได้รับเงินช่วยเหลืองวดที่สาม จนค่าเงินยูโรมาอยู่เหนือ 1.3000 ดอลลาร์/ยูโร ณ ขณะนี้มายืนอยู่ที่ระดับ 1.3045 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 30.67 บาท/ดอลลาร์ โดยประมาณ ซึ่งเป็นตัวกดดันให้ราคาทองคำในรูปของค่าเงินบาทปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ทางเทคนิคราคาทองคำในระยะสั้นมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนและค่อนข้างที่จะอ่อนตัวในทิศทางขาลง จะมีแนวรับที่ระดับ 1,705 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 1,725 เหรียญ จึงคาดว่าน่าจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆจนกว่าจะมีข่าวใหม่ๆ Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,080 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,250 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,200 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,370 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,010 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,045 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวในกรอบ 1,705-1,725 เหรียญ ยังเป็นการแกว่งตัวอย่างไร้ทิศทาง นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ถือครอง Portfolio เท่าเดิม 50% รออยู่นอกตลาด ไม่ทำอะไร นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ถือครอง Portfolio อยู่ที่ระดับ 50-60% รออยู่นอกตลาดไม่ทำอะไร แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับเท่านั้น บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ