กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--IR network
บมจ. ไทยโพลีคอนส์ หรือ TPOLY ประกาศจุดยืน ลุยธุรกิจพลังงานเต็มสูบ ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวตั้ง Holding Company ในนาม "ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง" เพื่อลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งหมด ปูทางปรับโครงสร้างธุรกิจ หวังปั๊มกำไรจากธุรกิจพลังงานและอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าเข้ามาเสริมทัพ "เจริญ จันทร์พลังศรี" ย้ำปี 2556 กำไรสุทธิของ TPOLY จะก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ หลังโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรก เตรียมกดปุ่มขายไฟและรับรู้รายได้ทันที 200 ล้านบาท ในปีหน้า ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ไปได้สวยยอดจองทาวน์โฮม "กรีนิช รามอินทรา" ล้นหลาม
นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่าหลังจากนี้ TPOLY จะมีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ โดยจะหันมารุกธุรกิจพลังงานอย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้บริษัทลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ซึ่งประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยใช้ชื่อ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อเป็นการรองรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในเงินลงทุนของบริษัทในกลุ่มพลังงาน โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะดำเนินการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าทั้งหมดแทน TPOLY ตามสัดส่วนเดิมที่บริษัทฯ ได้ถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งจะเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าอื่นๆ ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ซึ่ง TPOLY จะถือหุ้น 100% แหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารพิจารณารายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ รวมถึงการหาพันธมิตรผู้ร่วมทุนรายอื่น และการจัดหาสินเชื่อเพื่อใช้ในการดำเนินการ โดยปัจจุบัน TPOLY มีธุรกิจโรงไฟฟ้าประกอบด้วย บริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ซึ่ง TPOLY ถือหุ้น 65% บริษัท ทุ่งสัง กรีน จำกัด ซึ่ง TPOLY ถือหุ้น 65% และ บริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จากัด ซึ่ง TPOLY ถือหุ้น 85%
"โครงสร้างธุรกิจของ TPOLY จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป หลังจากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกของเรา คือโรงไฟฟ้าช้างแรก ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ จะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 และ 3 คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปี 2557 และจะรับรู้รายได้ทั้งหมดทุกโครงการภายในปี 2558 ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต และเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของธุรกิจพลังงาน เราจึงได้ว่าจ้าง บล.ทรีนิตี้ ในการศึกษาการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมา เพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มเห็นนโยบายที่ชัดเจนของโฮลดิ้งในต้นปีหน้า" นายเจริญกล่าว
นายเจริญ กล่าวอีกว่า ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการโมเดิร์นทาวน์โฮม ถนนรามอินทรา ภายใต้ชื่อโครงการ กรีนิช รามอินทรา มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท ได้เปิดขายพรีเซล (Pre-Sale) ไปแล้วในช่วงต้นไตรมาส 4/55 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ปัจจุบันมียอดจองเข้ามาแล้วมากกว่า 30% โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ประมาณ 50-60 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะไปรับรู้ในปี 2556 นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินเปล่าติดถนนหน้า โครงการกรีนิช รามอินทรา อีกประมาณ 6 ไร่ ซึ่งถือเป็นทำเลที่ดีมาก เพราะอยู่ในแนวโครงการรถไฟฟ้าสีชมพู ที่เตรียมจะพัฒนาโครงการใหม่ต่อไปอีกในอนาคต
"จากที่กล่าวทั้งหมดจะทำให้กำไรสุทธิของ TPOLY มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2556 ทั้งจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะกลับมาดีขึ้น หลังจากที่บริษัทฯได้ดำเนินการปรับต้นทุน โดยมีการรับรู้ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่สูงขึ้นไปแล้วในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และพลังงานซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่าเข้ามาเสริม ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของ TPOLY จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยทั้ง 2 ธุรกิจใหม่ที่เข้ามา จะมีสัดส่วนรายได้ขึ้นมาเป็น 30% จากปัจจุบันที่รายได้ทั้งหมดมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง" นายเจริญกล่าวในที่สุด