กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--IR network
“พงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์” เผยการปิดงานก่อสร้างโครงการพลังงานลมดันรายได้ทั้งปีของ "บมจ.เด็มโก้" หรือ DEMCO โตไม่ต่ำกว่า 6,200 ล้านบาท เกินกว่าเป้าที่ 6,000 ล้านบาทเล็กน้อย หลังโค้งสุดท้ายของปีนี้ยังทำผลงานบรรเจิดต่อเนื่อง หลังคว้างานสถานีไฟฟ้าเอกชนเพิ่มอีก 2 สถานี และงานปรับปรุงระบบไฟฟ้าอีก 2 สถานี ทำยอดงานในมือล่าสุดเป็น 5,027 ล้านบาท พร้อมโชว์ศักยภาพลุยประมูลงานอีกเพียบ
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ล่าสุดคว้างานจากสถานีไฟฟ้าเอกชนเพิ่มอีก 2 สถานีและงานปรับปรุงระบบไฟฟ้าอีก 2 สถานี ส่งผลทำให้ล่าสุดบริษัทมี Backlog เพิ่มเป็น 5,027 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ ในวงเงินรวม 5,000-6,000 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลจากการเร่งปิดงานและงานในมือที่เพิ่มขึ้นทำให้ผลประกอบการในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย คือ ไม่ต่ำกว่า 6,200 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,300 ล้านบาท
“การปิดงานก่อสร้างโครงการพลังงานลมห้วยบง 3 ทำให้โครงการสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ(COD) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) ตั้งแต่กลางเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นับจากนี้บริษัทจะเร่งดำเนินการปิดงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 2 ให้แล้วเสร็จ โดยโครงการมีความคืบหน้าไปแล้ว 90% และคาดว่าจะจ่ายไฟเข้าสู่ระบบได้ประมาณกลางเดือนมกราคม 2556 หลังจากนั้นบริษัทจะเริ่มเดินหน้ารุกโครงการเขาค้อ และงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ขนาดใหญ่จากนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร อันจะนำมาซึ่งการเติบโตได้อย่างมีศักยภาพในอนาคตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้บริษัทได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2555 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิจำนวน 101.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.83 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 88.82% จากไตรมาส 3/2554 ที่มีกำไรสุทธิ 53.85 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,690.11 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 892.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 797.99 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 89.45 %
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 325.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 239.04 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 277.73% จากงวดเดียวกันของปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 86.07 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากการเติบโตของรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,862.96 ล้าน คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 122.47% จากรายได้รวมของปี 2554 จำนวน 2,185.89 ล้านบาท