กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--สป.
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2555 ที่ผ่านมา สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยคณะทำงานเกี่ยวเนื่องศึกษาเรื่องความยุติธรรมกับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิไม่เป็นธรรมในที่ดินทำกิน ได้จัดสัมมนาเรื่อง “ปัญหาที่ดินเขายายเที่ยง ใครได้ ใครเสีย” ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอสีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีจุดประสงค์เพื่อร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุดของปัญหาที่ดินเขายายเที่ยงโดยมีผู้ร่วมเสวนาจากภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนในเขตพื้นที่เขายายเที่ยง เข้าร่วมการสัมมนาประมาณ 200 คน โดยมีนายพยัคพันธุ์ โพธิ์แก้ว ปลัดจังหวัดนครราชสีมา
นายประภาส รักษาทรัพย์ นายอำเภอสีคิ้ว กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการกำหนดเขตป่าสงวนแห่งชาติ ได้มีพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น และกลายเป็นหมู่บ้านขึ้น มีประชากรอยู่ประมาณห้าร้อยกว่าคน ทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้น การจะแก้ไขปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายนั้นยังเป็นสิ่งที่ต้องหาทางออกกัน ดังนั้นจึงขอเสนอแนะทางออกในการแก้ไขปัญหาเรื่องเขายายเที่ยง ประการแรก ให้ราษฎรขออนุญาตเข้าทำโฉนดที่อยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ประการที่สอง คืออพยพราษฎรออกจากพื้นที่ โดยจัดหาที่ทำกินให้ใหม่ หรือจ่ายค่าชดเชยที่ดินให้แก่ราษฎร ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ดีที่สุด แต่การที่เราจะหาวิธีการได้ต้องมีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน
ชาวบ้านเขายายเที่ยงบางส่วนได้แสดงความคิดเห็น และต้องการให้รัฐออกโฉนดที่ดินให้และขอสิทธิทำกินในพื้นที่ เนื่องจากหลายครอบครัวได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว และอยากให้หน่วยงานของรัฐให้ความยุติธรรมแก่ชาวบ้านด้วย
ด้านนายรุจน์ เสาวภานันท์ สมาชิกคณะทำงานเกี่ยวเนื่องศึกษาเรื่องความยุติธรรมกับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิไม่เป็นธรรมในที่ดินทำกิน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสามารถทำได้โดยการแก้ไขกฎหมาย อาจต้องยกเลิกเขตป่าสงวนที่ออกโดยกฎกระทรวง ประชาชนจึงจะมีสิทธิ์ในพื้นที่เขายายเที่ยง แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องมองในหลายส่วนหลายด้าน จึงจะสามารถหาทางออกที่ดีที่สุดได้
นอกจากนี้ ชาวบ้านบางส่วนยังมอบหนังสือเกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่เขายายเที่ยงให้แก่นายอำเภอสีคิ้วและสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ โดยหวังว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม สภาที่ปรึกษาฯ โดยคณะทำงานเกี่ยวเนื่องศึกษาเรื่องความยุติธรรมกับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิไม่เป็นธรรมในที่ดินทำกิน จะนำข้อมูลที่ได้ไปรวบรวมเพื่อจัดทำเป็นความเห็นและข้อเสนอแนะ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป