ARROW หุ้นน้องใหม่ป้ายแดงโรดโชว์ กทม. นลท.ตบเท้ารับฟังข้อมูลท่วมท้น-มั่นใจอนาคตเติบโตแข็งแกร่ง-เทรดภายในปีนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 6, 2012 08:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--IR network ผลโรดโชว์ กทม. หุ้นน้องใหม่แกะกล่อง บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) นักลงทุนตบเท้าเข้าฟังข้อมูลอย่างคึกคัก เหตุธุรกิจของบริษัทน่าสนใจเพราะเติบโตควบคู่กับอุตสาหกรรมก่อสร้างและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวทุกปี “ธานินทร์ ตันประวัติ” มั่นใจช่วงที่เปิดให้จองซื้อไอพีโอ กระแสการตอบรับจากนักลงทุนท่วมท้น เพราะปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตทุกปี ด้าน “วิชา โตมานะ” จาก บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เชื่อผลจากการผลโรดโชว์ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อ ARROW มากยิ่งขึ้น คาดเข้าเทรดในตลาด mai ได้ภายในไตรมาส 4/2555 นี้ไม่ทำให้ผิดหวัง นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ARROWเปิดเผยถึงผลการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ต่อนักลงทุนในเขตกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยเข้าร่วมรับฟังข้อมูลอย่างคึกคัก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจในธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ อีกทั้งเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจและมองเห็นถึงศักยภาพของบริษัทที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต ทำให้มั่นใจว่าในช่วงที่เปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ กระแสการตอบรับจากนักลงทุนจะเป็นไปอย่างคึกคักเช่นกัน “ผลจากการโรดโชว์ต่อนักลงทุนในกรุงเทพฯ มีกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีมาก โดยนักลงทุนให้ความสนใจสอบถามข้อมูลในด้านต่างๆ ของ ARROW อย่างละเอียด และด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมาเกือบ 20 ปีในวงการผลิตท่อประเภทต่างสำหรับงานระบบโครงการอสังหาริมทรัพย์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและโรงงานอุตสาหกรรม โดยบริษัทเป็น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กร้อยสายไฟฟ้า ท่อเหล็กอ่อน ท่อเหล็กอ่อนกันน้ำ อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย รวมถึงผลิตภัณฑ์ท่อลม ท่อระบายอากาศ ท่อก่อสร้างซึ่งผลิตโดยบริษัทย่อยของบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นการการันตีถึงคุณภาพของสินค้าจนได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้บริษัทมีศักยภาพที่จะสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต จึงมั่นใจว่าในวันที่เปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ARROW จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท กล่าวถึงผลการโรดโชว์ว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจของบริษัทน่าสนใจอย่างมากสำหรับการลงทุน เพราะอิงกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง สาธารณูปโภคพื้นฐาน และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตทุกปี และเชื่อว่าผลจากการผลโรดโชว์จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อ ARROW มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท มีทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท และเป็นทุนที่ชำระแล้ว 150 ล้านบาท การเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปและกลุ่มพนักงานในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 50 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชน 45 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกลุ่มพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 5 ล้านหุ้น ซึ่งวัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อการซื้อที่ดินและเครื่องจักรสำหรับขยายกำลังการผลิต เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ สำหรับรายได้รวมของกลุ่มบริษัทในปี 2552 — 2554 และงวด 9 เดือนปี 2555 มีจำนวนเท่ากับ 446.17 ล้านบาท 531.88 ล้านบาท 681.60 ล้านบาท และ 586.79 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้รวมของกลุ่มบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้างและโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับการได้รับความสนับสนุนจากผู้ออกแบบที่ให้ความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ทำให้มีการใช้งานในโครงการต่างๆมากขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทในปี 2552 — 2554 และงวด 9 เดือนปี 2555 จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือ อยู่ที่ประมาณ 23%-27% ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบที่บริษัทมีการสั่งซื้อจากแหล่งวัตถุดิบที่มีต้นทุนที่เหมาะสมและสั่งซื้อในปริมาณมาก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในการผลิต กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทในปี 2552 — 2554 และงวด 9 เดือนปี 2555 มีจำนวนเท่ากับ 27.86 ล้านบาท 53.18 ล้านบาท 53.20 ล้านบาท และ 74.30 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.24%, 10.00%, 7.81%, และ 12.66% ตามลำดับ กำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนปี 2555 เพิ่มขึ้น 77.91% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาวัตถุดิบเหล็กปรับตัวลดลง ประกอบกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงเหลือ 23% และบริษัทได้เริ่มใช้สิทธิประโยชน์ BOI ในช่วงต้นปี 2555

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ