กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--ก.พาณิชย์
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์เร่งพัฒนาศักยภาพธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รองรับสังคมออนไลน์ที่ก้าวไปไกล หวังให้ผู้ประกอบการใช้เป็นตัวช่วยในการขยายตลาดและต่อยอดธุรกิจ ลดต้นทุนธุรกิจไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าเสรี คาด OTOP และ SMEs ได้รับประโยชน์เต็มๆ พร้อมเตรียมรับมือการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในโอกาสเปิดงานสัมมนา “ผู้ประกอบการไทยก้าวไกล ก้าวไปกับ E-Commerce” ที่โรงแรมเซ็นทารา ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ว่า ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและมีอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและถูกนำมาใช้เป็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจอย่างแพร่หลาย อิทธิพลของอินเทอร์เน็ตได้แทรกซึมไปอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการดำเนินธุรกิจของ วิสาหกิจชุมชนของไทย ส่วนใหญ่ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เนื่องจากการขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เป็นเครื่องมือในการลดต้นทุนการดำเนินงาน ตลอดจน ใช้เป็นช่องทางการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาองค์ความรู้ในเรื่อง ดังกล่าว จึงได้จัดโครงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้า และจัดสัมมนาในหัวข้อ “ผู้ประกอบการไทยก้าวไกล ก้าวไปกับ E-Commerce” เพื่อเพิ่มพูนทักษะผู้ประกอบการ ด้านการตลาดออนไลน์ หรือ e-Marketing ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจ e-Commerce ในการบริหารจัดการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สามารถเข้าถึงและกระจายไปยังลูกค้า กลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วทั่วถึง โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดร้านค้าทั่วไป
“วัตถุประสงค์ของการจัดงานสัมมนาครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างองค์ความรู้ในการทำธุรกิจแนวใหม่โดยใช้ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นช่องทางและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ เทคนิคการทำการตลาดผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต และแนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีในเชิงการค้า ในอนาคตเพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและปรับปรุงธุรกิจเพื่อรองรับ การเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC)” นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล กล่าว
โครงการฯ นี้จะเน้นผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs และ OTPO ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จึงจำเป็นต้องเสริมสร้าง และพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการแก่ธุรกิจ รวมถึงเพิ่มพูนทักษะและขยายช่องทางการตลาด ให้มีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ของไทยมีความเข้มแข็ง สามารถต่อสู้กับการแข่งขัน ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงเป็นอย่างมากในอนาคต รวมทั้งรองรับการตลาดยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลง จากยุคออฟไลน์เป็นยุคออนไลน์ ที่ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้บนโลกอินเทอร์เน็ต
นอกจากงานสัมมนาครั้งนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งโครงการคือ โครงการพัฒนาระบบตลาดกลางผู้ประกอบการไทย ด้วยนวัตกรรมการค้าออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับร้านค้าออนไลน์ฟรี จดโดเมนฟรี 2 ปี และทำ SEO ให้ร้านค้าติดในหน้าแรกของกูเกิลด้วย ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ThaiSMEportal.com