กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--จังหวัดกาญจนบุรี
“งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว” เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย - อสท. ในขณะนั้น) ได้จัดการแสดงแสงเสียง “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2523 อันเป็นปีท่องเที่ยวไทย และมีการจัดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
สำหรับปีนี้ งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแควจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 - 16 ธันวาคม โดยจะเป็นครั้งแรกที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาให้มีความแปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจ จัดระบบระเบียบและบริการต่างๆ ทั้งการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง การจราจร ความปลอดภัย สถานที่จอดรถ รวมถึงสุขาเคลื่อนที่ เพื่อยกระดับมาตรฐานกิจกรรมการท่องเที่ยวที่จะสร้างความประทับใจให้ผู้มาเที่ยวชมงานมากขึ้น ทั้งยังมุ่งเน้นการแสดงศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งจะเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC) และโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งทางจังหวัดจะกำกับดูแลรายละเอียดทั้งหมดของงานในครั้งนี้
นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “ที่ผ่านมาทางจังหวัดให้ผู้รับสิทธิ์จากการประมูลงานเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด แต่ปีนี้ทางจังหวัดจะเป็นผู้บริหารงานเองเพราะต้องการพัฒนาให้มีมาตรฐานคุณภาพในระดับสากลในทุกๆ ด้าน โดยในส่วนของการแสดงแสงเสียงจะปรับรูปแบบให้มีความทันสมัย เป็น Action Show ที่ตระการตาและดึงดูดความสนใจ เช่น ฉากรบ เต็มไปด้วยระเบิดเอฟเฟ็คท์เสมือนจริง ฉากเครื่องบิน บินผาดโผนทิ้งระเบิดตื่นตาตื่นใจ รถไฟแล่นผ่านพลุไฟในฉากเปิดสะพานอันอลังการตระการตา ทีมสตันท์โรยตัวเหนือสะพานและการขับเรือไล่ยิงกันในแม่น้ำ และฉาก ไฮไลท์ที่เป็นการระเบิดสะพานในขณะที่มีรถไฟค้างอยู่ เพื่อให้ผู้ชมได้รำลึกถึงและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกาญจนบุรีเป็นหนึ่งในพื้นที่สงครามที่มีเชลยศึกชาวต่างชาติเสียชีวิตนับหมื่นคน และคนไทยก็ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยมุ่งเน้นให้ตระหนักถึงพิษภัยของสงครามและความสำคัญของสันติภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการยกย่องให้สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพด้วย”
ทั้งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่จัดการแสดงใหม่ให้แตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมา โดยให้ผู้ชมเดินผ่านสะพานเพื่อให้ได้บรรยากาศที่จะสร้างความประทับใจยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเตรียมอัฒจันทร์ที่รองรับได้ถึง 3,000 ที่นั่ง ให้ตื่นเต้นกับการแสดงอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยจัดการแสดงในวันธรรมดา1 รอบ เวลา 18.45 น. ส่วนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จัดแสดง 2 รอบ เวลา 18.45 น. และ 21.00 น. บัตรราคา 300 และ 500 บาท มีจำหน่ายที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 0 2262 3456 และ www.thaiticketmajor.com หรือสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี โทร. 0 3451 5208, 0 3451 2299 และ 08 9203 4093
ในส่วนของถนนสายหลักจะจัดนิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่จะส่งผลให้กาญจนบุรีเป็นเมืองหน้าด่านทางเศรษฐกิจของไทย เป็นประตูสู่ศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญแห่งใหม่ของภูมิภาคและของโลกที่จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยเป็นการแสดงศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง อาทิ การเป็นฐานการผลิตสินค้าและอุตสาหกรรมต่างๆ, เป็น Logistic Hub ในการนำเข้าและส่งออก, เป็นเส้นทางการค้าแห่งใหม่ของโลกจากการเป็นจุดเชื่อมต่อของภูมิภาค ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่หลากหลายที่ตอบสนองผู้มาเที่ยวชมงานทุกกลุ่ม อาทิ การสาธิตและจำหน่ายสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว อาหารอร่อยขึ้นชื่อ บูธมอเตอร์โชว์พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีชื่อเสียง สินค้าทั่วไป และสินค้าพื้นบ้าน การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดัง สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นชั้นนำ และกิจกรรมพิเศษต่างๆ ตลอดจนการออกร้านของกาชาดที่มีพฤกษากาชาด ซึ่งในแต่ละคืนจะมีรางวัลใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ โทรทัศน์ ตู้เย็น และรางวัลอื่นๆ อีกมากมายที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยในปีนี้ไม่มีการจำหน่ายสลากกาชาด
“เราจัดแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ อย่างมีระบบระเบียบ คัดสรรร้านค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพที่โดดเด่น จัดการแสดงแสงเสียงที่ยิ่งใหญ่ตระการตา และอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อย่างครบครัน เพื่อยกระดับการจัดงานให้แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างน่าประทับใจ ให้ผู้มาร่วมงานได้รับประโยชน์สูงสุด โดยไม่เน้นการหารายได้เข้าจังหวัด จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวชมงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ในรูปแบบใหม่และสัมผัสบรรยากาศการจัดงานที่มีการพัฒนาแบบพลิกโฉม ระหว่างวันที่ 7 — 16 ธันวาคมนี้” นายชัยวัฒน์กล่าว