กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
- พีแอนด์จีรับเข็มที่ระลึกหน่วยงานที่สนับสนุนมูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่องจากสมเด็จพระเทพฯ
- โครงการเพื่อสังคมของพีแอนด์จีได้รับรางวัลระดับโลก ‘สุดยอดนวัตกรรมเพื่อสังคมระดับโลกแห่งปี 2012’ จากนิตยสาร The Economist และรางวัล ‘โครงการเพื่อสังคมดีเด่น โกลด์ อวอร์ด’ จาก Global CSR Award 2012
เมื่อเร็วๆ นี้ พีแอนด์จี จัดนิทรรศการ 175 ปีแห่งนวัตกรรม ในงาน ‘เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เฉลิมพระเกียรติมหาราชินี ประจำปี 2555’ โดยได้จัดแสดงผลงานที่ได้ร่วมมือกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ในโครงการน้ำดื่มปลอดภัยพีแอนด์จี ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การแสดงผลงานเด็กๆ จากโครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข เพื่อช่วยเหลือเด็กเร่รอนและเด็กด้อยโอกาส อีกทั้งจัดแสดงนิทรรศการ 175 ปีพีแอนด์จี เผยกลยุทธแห่งความสำเร็จมายาวนาน คือ นวัตกรรม การพัฒนาอย่างยั่งยืน และบุคลากร โดยตัวแทนบริษัทเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท รับพระราชทานเข็มที่ระลึกหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนมูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พระตำหนักวังสวนกุหลาบ พระราชวังดุสิต
นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ พีแอนด์จี ประเทศไทย เล่าถึงนิทรรศการ 175 ปีแห่งนวัตกรรมของพีแอนด์จีว่า พีแอนด์จีได้ยึดปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่ว่า “Touching and improving life” ซึ่งเป็นพันธกิจหนึ่งเดียวกันของคนพีแอนด์จีทั่วโลก สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนผ่านทุกกิจกรรมในการดำเนินธุรกิจ โดยมีกลยุทธแห่งความสำเร็จในการครองความเป็นผู้นำในตลาดสินค้าอุปโภคมายาวนานตลอด 175 ปี คือ การสร้างสรรค์นวัตกรรม การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถอย่างต่อเนื่อง
“กลยุทธ์แรกคือการสร้างสรรค์นวัตกรรม พีแอนด์จีจัดเป็นหนึ่งในบริษัทที่มุ่งเน้นด้านนวัตกรรมที่สุดของโลก (one of the World’s Most Innovative Companies) โดยนิตยสารระดับโลก ฟอร์บส์ (Forbes) ในปี 2555 โดยเป็นบริษัทที่ลงทุนไปในการวิจัยและพัฒนาทั่วโลกปีละกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 6 หมื่นล้านบาท) เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรมเพื่อผู้บริโภค เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เท่านั้นแต่สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมอีกด้วย เช่น เทคโนโลยีบำบัดน้ำดื่มพีแอนด์จี เพียวริฟายเออร์ ออฟ วอเตอร์”
นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกลยุทธ์ที่สอง คือ การพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น ในด้านสิ่งแวดล้อม พีแอนด์จีตั้งวิสัยทัศน์เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว โดยหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตให้ได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งนำวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ด้วย เพื่อลดขยะที่เหลือใช้จากการผลิตและบริโภคที่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste) อีกทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
นางกรรณิการ์ กล่าวว่า “สำหรับการพัฒนาความยั่งยืนด้านสังคม พีแอนด์จีกับพันธกิจระดับโลก ‘Live, Learn and Thrive’ ในการให้โอกาสพัฒนาเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษา ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี พีแอนด์จีได้ให้ความช่วยเหลือเด็กกว่า 100 ล้านคนในกว่า 10 ประเทศทั่วเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ภายใต้โครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข ที่พีแอนด์จีดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็ก และ โครงการน้ำดื่มปลอดภัยพีแอนด์จี ในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในประเทศไทยผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยล่าสุดโครงการน้ำดื่มปลอดภัยพีแอนด์จี ได้รับรางวัล ‘สุดยอดนวัตกรรมเพื่อสังคมระดับโลกแห่งปี 2012’ จากนิตยสารระดับโลกอย่าง the Economist และ ‘โครงการเพื่อสังคมดีเด่น โกลด์ อวอร์ด’ Global CSR Award 2012”
“สำหรับกลยุทธ์ที่ 3 คือ การพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถอย่างต่อเนื่องนั้น พีแอนด์จีมีชื่อเสียงในฐานะบริษัทที่มีโครงการพัฒนาบุคลากร บ่มเพาะ ผู้นำธุรกิจระดับโลกให้เติบโตจากภายในองค์กร และวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญในความหลากหลายและความเสมอภาคของพนักงาน (Diversity & Inclusion) ไม่ว่าแตกต่างกันด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือความพิการ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งในการสร้างความเข้มแข็งในกับองค์กรอย่างยั่งยืน” นางกรรณิการ์ กล่าว ล่าสุดพีแอนด์จีได้รับการจัดอันดับที่ 3 บริษัทที่คนอยากมาทำงานมากที่สุดในปี 2012 (World’s Most Attractive Employers) จากนิตยสาร Business Week และ อันดับที่ 1 The Most Admired Company ทำเนียบบริษัทฟอร์จูน 2012 ในกลุ่มอุตสาหกรรมสบู่และเครื่องสำอาง
ภายในงานของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยไฮไลท์คือการจัดแสดงนิทรรศการพร้อมการสาธิตโครงการน้ำดื่มปลอดภัยพีแอนด์จี หรือ P&G Children’s Safe Drinking Water ซึ่งเป็นโครงการที่พีแอนด์จีได้สนับสนุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และมีกิจกรรมโดดเด่นในการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรรมชาติโดยเฉพาะอุทกภัยซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่ประเทศไทยต้องเผชิญอยู่เป็นประจำ พีแอนด์จีได้มอบเทคโนโลยีผงบำบัดน้ำดื่ม พีแอนด์จี เพียวริฟายเออร์ ออฟ วอเตอร์ ไปแล้วจำนวน 2 ล้าน 5 แสนซอง หรือคิดเป็นน้ำดื่มปลอดภัยที่ผ่านการบำบัดปริมาณ 25 ล้านลิตร รวมทั้งให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำท่วมโดยมอบผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อสุขอนามัยพีแอนด์จีมูลค่า 12 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ภายใต้โครงการ “รวมพลังน้ำใจไทย”เพื่อแจกจ่ายไปยังครอบครัวพื้นที่ประสบอุทกภัยกว่า 70,000 ครอบครัว
รศ. ดร. พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย กล่าวถึงโครงการน้ำดื่มปลอดภัยพีแอนด์จีว่า “เป็นโครงการที่นำเอาเทคโนโลยีมาช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง เพราะเมื่อเกิดภัยพิบัติ การบริโภคน้ำฝน หรือน้ำประปา อาจจะมีสารตกค้างและเชื้อโรคปะปนอยู่ ทำให้เสี่ยงต่อสุขภาพ ขณะที่การลำเลียงน้ำดื่มไปช่วยก็มักจะทำได้ยากลำบาก การนำเทคโนโลยีผงบำบัดน้ำดื่มพีแอนด์จี เพียวริฟายเออร์ ออฟ วอเตอร์นี้ ช่วยให้น้ำดื่มสะอาด ทำให้ผู้ประสบภัยพึ่งพาตัวเองได้ ลดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ และขนส่งไปได้อย่างมาก”
นอกจากนี้ ภายในบู๊ทจัดงานของพีแอนด์จี จะมีการจัดแสดงนิทรรศการโครงการเพื่อสังคมหลักของ พีแอนด์จี ภายใต้พันธกิจระดับโลก ‘Live, Learn and Thrive’ คือ โครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข ที่พีแอนด์จีดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็ก โดยมุ่งเน้นไปที่โครงสร้างของการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส และนำวิธีบูรณาการเข้ามา ซึ่งมีมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก โดยมีครูหยุย หรือคุณวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก มาช่วยเป็นแกนนำ เพื่อมอบโอกาสให้กับ “เด็กเร่ร่อน หรือ เด็กข้างถนน” หรือเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสุขภาพอนามัยที่ดี ได้รับการศึกษา เสริมสร้างทักษะในการดำรงชีวิต เพื่อพร้อมเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีอนาคตต่อไป ในปีนี้ โครงการมีส่วนช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนและกลุ่มเสี่ยงกว่า 35,000 คน
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข กล่าวว่า การช่วยเหลือและสร้างโอกาสให้กับเด็กๆ ให้ได้รับการดูแล และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคต ก็จะเป็นการตัดวงจรที่อาจเป็นภาระของสังคมได้ ปัจจุบัน คาดการณ์ว่าประเทศไทยมีจำนวนเด็กเร่ร่อนประมาณกว่า 30,000 คน สาเหตุหลักมาจากความยากจนที่ผลักดันให้เด็กออกมาหารายได้ ปัญหาจากครอบครัว หรือปัญหาจากการที่เด็กขาดความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนที่โรงเรียน หรือเพื่อนในสถานสงเคราะห์ผลักดันให้เด็กออกมาเร่ร่อน และต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด จึงมีความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมย ค้ายาเสพติด หรือค้าบริการทางเพศ ดังนั้น ความช่วยเหลือจึงต้องทำในเชิงรุก มอบโอกาส เสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้านสุขภาพกายและใจให้เด็กก้าวเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนด้วยความพร้อม และมีความสุข อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ขาดแคลนโอกาสทางการศึกษา หรือเลิกกลางคัน และหน่วยงานที่เข้ามาดูแลในส่วนนี้อย่างจริงจังก็ยังไม่เพียงพอ การที่พีแอนด์จี ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข จึงเป็นการมอบโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ให้กับเด็กในกลุ่มเสี่ยงนี้
นางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม และรองประธานโครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข กล่าวว่า “พีแอนด์จีถือเป็นตัวอย่างของภาคธุรกิจที่นอกจากจะทำธุรกิจแล้วยังไม่ลืมตอบแทนสังคม ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างของภาคธุรกิจที่ดีและน่าศรัทธา โดยพีแอนด์จีได้เล็งเห็นถึงปัญหาคุณภาพชีวิตของเด็กและเข้ามาส่งเสริมในด้านนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาคุณภาพ และเครือข่าย ครูพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นผู้ดูแลใกล้ชิดเด็กมากที่สุด โดยได้จัดการอบรม “ครูของเด็ก อาชีพเล็ก แต่ยิ่งใหญ่” ไปแล้ว ทั้งสิ้น 4 รุ่น หรือ 369 คน ซึ่งได้รับการตอบรับมาอย่างดีจากผู้เข้ารับการอบรม รวมทั้งการให้ทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เสนอโดยครูเหล่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงการต่อยอดไปสู่เด็กได้อย่างยั่งยืน”
ดญ. อัญชลี (ไม่มีนามสกุล) ชั้น ป.4 สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี หนึ่งในนักเรียนผู้ร่วมโครงการหมักปุ๋ยชีวภาพ (EM) ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข กล่าวว่า “ถ้าเราใช้น้ำ EM รดต้นไม้ ต้นไม้ก็จะโตเร็วขึ้น ให้ร่มเงา อีกทั้งยังเร่งการออกดอกด้วยค่ะ และยังมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเพราะเราใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่เหลือใช้ ซึ่งก็ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากเลยค่ะหนูชอบโครงการนี้มาก เพราะนอกจากจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังได้ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว และเพื่อนๆ ก็รู้สึกสนุกค่ะ”
น้องสุพรรณี พันธ์สายออ ชั้น ม.3 ก.ศ.น. หนึ่งในนักเรียนผู้ร่วมโครงการวิชาชีพ กับสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี กล่าวว่า “โครงการวิชาชีพที่หนูทำ ส่วนมากจะเกี่ยวกับงานฝีมือค่ะ เช่น การเย็บปักถักร้อย ถักโครเชต์ร้อยลูกปัด ประดิษฐ์ดอกไม้ กล่องใส่ทิชชู่ และกระเป๋า ก็จะเลือกตามความสนใจ หรือความสามารถของแต่ละคน โดยประโยชน์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมคือ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วยค่ะ”
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการ 175 ปีแห่งนวัตกรรมของพีแอนด์จี โดยมีนางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผอ. ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ พีแอนด์จี ประเทศไทย ให้การต้อนรับ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเข็มที่ระลึกหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) มาอย่างต่อเนื่องแก่นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ตัวแทนพีแอนด์จี
รศ. ดร. พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และ นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผอ. ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ พีแอนด์จี ประเทศไทย กับนิทรรศการโครงการน้ำดื่มปลอดภัย โดยมูลนิธิฯ และพีแอนด์จี
โชว์ผลงานน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการ รักเรียน เรียนอย่างเป็นสุข ได้แก่ น้ำหมักชีวภาพ งานประดิษฐ์ต่างๆ โดยมีดิว เดอะสตาร์ และเต้ย จรินทร์พร ร่วมสร้างสีสัน
น้องๆ ที่ร่วมโครงการรักเรียน เรียนอย่างเป็นสุขได้มีโอกาสแสดงฟ้อนรำต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี