พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เสริมความพิเศษบริการ PLUS CONCIERGE ผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจบริการกว่า 8 ราย

ข่าวทั่วไป Wednesday October 13, 2004 16:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เสริมความพิเศษบริการ PLUS CONCIERGE ผนึกกำลังพันธมิตร
ธุรกิจบริการกว่า 8 ราย สร้างจุดขายใหม่ให้แก่ธุรกิจบริหารโครงการของไทยตอกย้ำบทบาทผู้นำ
- ชี้ตลาดยังโตอีกมาก พร้อมเร่งสร้างกลยุทธ์การบริการรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง -
เบอร์หนึ่งธุรกิจบริหารโครงการของไทย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ผนึกกำลังพันธมิตรเสริมความหลากหลายให้บริการ PLUS CONCIERGE พร้อมมอบสิทธิพิเศษที่เหนือกว่าเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่ในโครงการที่ไว้วางใจให้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เข้าไปบริหารโครงการเท่านั้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า หลังสำรวจพบยอดใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในแต่ละเดือน ล่าสุดชู 2 บริการใหม่ PLUS CONCIERGE LIMOUSINE และ PLUS CONCIERGE CAR WASH เชื่อมั่นปีหน้ายังครองตำแหน่งผู้นำ คาดปลายปีรายได้จากธุรกิจบริหารโครงการกว่า 150 ล้านบาท โตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 16%
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านธุรกิจบริหารโครงการที่มีเนื้อที่บริหาร 3 ล้าน ตารางเมตร สูงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย เปิดเผยว่า สำหรับตลาดธุรกิจบริหารโครงการในปีที่ผ่านมานั้นมีการขยายตัวของตลาดอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผลักดันให้มีการเปิดตัวของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในปี 46 ซึ่งมีผลให้ธุรกิจบริหารโครงการเติบโตขึ้นตามจำนวนโครงการที่ทยอยสร้างเสร็จ นอกจากนี้ เจ้าของร่วมของโครงการเดิมที่อยู่ในตลาดก็ให้ความสำคัญในการบริหารโครงการ และมีความต้องการใช้บริการบริหารโครงการโดยบริษัทบริหารโครงการที่เป็นมืออาชีพเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาสภาพของทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพที่ดี และยังคงเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินอีกด้วย จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้บริษัทมีการเจริญเติบโตของจำนวนโครงการที่รับบริหารอยู่เป็นอย่างมากโดยกล่าวคือ มีจำนวน โครงการเพิ่มขึ้นจาก จำนวน 49 โครงการ ในปี 45 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 62 โครงการ ณ สิ้นปี 46 คิดเป็นอัตราเติบโตของจำนวนโครงการที่ 27% และเพิ่มขึ้นเป็น 78 โครงการ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 47 โดยได้ตั้งเป้าที่จะครองความเป็นผู้นำพร้อมวางเป้าหมายที่จะครอบครองโครงการใหม่สำหรับปี 2547 จำนวน 18 โครงการ ซึ่งจะทำให้จำนวนโครงการที่บริหารเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 80 โครงการ ณ สิ้นปี 2547 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 29% จากจำนวนโครงการที่บริหารอยู่ในปี 2546
“ปัจจุบันนี้ ตลาดหลักๆ ของธุรกิจบริหารโครงการของไทย ก็คือตลาดที่พักอาศัยและตลาดอาคารสำนักงาน ในด้านตลาดที่พักอาศัยนั้นเรามองว่าจะมีโครงการใหม่ๆ ที่จะสร้างเสร็จภายในปี 2547 จำนวน 23 โครงการ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สามารถขยายเข้าไปได้ โดยประมาณการไว้ว่าจะสามารถได้โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เหล่านี้เข้ามาบริหารไม่ต่ำกว่า 4 โครงการ ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาความเป็นผู้นำและส่วนแบ่งในการบริหารที่พักอาศัย โดยยังคงมุ่งเน้นที่คุณภาพของการให้บริหาร โดยพัฒนามาตรฐานการให้บริหารใกล้เคียงกับมาตรฐานการให้บริการของโรงแรม และมีการเพิ่มคุณค่าให้กับการบริการอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้นำในด้านบริการใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความแตกต่างจากบริษัทคู่แข่ง สำหรับตลาดอาคารสำนักงานในปีที่ผ่านมานั้น พบว่า จำนวนพื้นที่เช่าค่อนข้างจะคงที่โดยมีพื้นที่เช่าอยู่ที่ประมาณ 6.578 ล้านตารางเมตร โดยตลาดอาคารสำนักงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งป็นผลจากการขายตัวของเศรษฐกิจ และสำหรับปี 47 จะมีอาคารสำนักงานเปิดดำเนินการใหม่ประมาณ 4 โครงการ และโครงการสร้างค้างก็มีแนวโน้มที่จะนำกลับมาพัฒนาต่อ ซึ่งอาคารเหล่านี้มีจำนวนอยู่ 18 โครงการ คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 600,000 ตร.ม. จากการที่ตลาดอาคารสำนักงานมีการปรับตัวที่ดีขึ้นประกอบกับมีอาคารสำนักงานใหม่ๆ เปิดดำเนินการจึงทำให้วางเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดการบริหารอาคารสำนักงาน ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงานที่มีอยู่เดิมในตลาดและอาคารใหม่ๆ ที่จะเปิดดำเนินการ โดยเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนงานบริหารอาคารสำนักงานอย่างน้อย 4 โครงการ มีเป้าหมายในการดำเนินงานเพิ่มส่วนแบ่งตลาดการบริหารอาคารสำนักงาน โดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรด A และ B นำเสนอการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล และได้รับ ISO 9001:2000 นำเสนอค่าบริหารที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดนำเสนอทีมงานสนับสนุนจากส่วนกลางที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่ทีมงานวิศวกรรม สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าโดยนำเสนอการบริการเป็น Package ซึ่งรวมถึงงานบริหารอาคาร, งานดูแลระบบวิศวกรรมของอาคาร และงานการเป็นตัวแทนขายพื้นที่สำนักงาน (Brokerage) หรือสามารถแยกเสนอเป็นส่วนๆ ตามลักษณะความต้องการของลูกค้า” นายยงยุทธกล่าว
“จากศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจบริหารโครงการของไทย ทำให้พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนโครงการและเนื้อที่ในการบริหาร โดยล่าสุด ได้สร้างทีมเพื่อแสวงหากลยุทธ์การให้บริการอย่างไร้ขีดจำกัด โดยได้นำกลยุทธ์ด้าน CRM มาใช้เพื่อมอบบริการที่มีมาตรฐานตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของการพัฒนารูปแบบบริการของ PLUS CONCIERGE ที่ได้เปิดตัวไปในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จากการสำรวจพบว่า ภายหลังจาการเปิดตัวได้ไม่นาน ยอดผู้ใช้บริการ PLUS CONCIERGE ก็มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเราพยายามที่จะสรรหาสิทธิพิเศษในการให้บริการจากหลายหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ บริการรับฝากชำระค่าบริการ บริการซักรีดบริการเรียกรถแท็กซี่ บริการทำความสะอาด บริการดูแลสวน บริการซ่อมแซมอุปกรณ์ภายในห้อง บริการจัดส่งอาหาร บริการอำนวยความสะดวกเรื่องการขนย้าย บริการจัดหาน้ำดื่ม บริการด้านการเช่าพาหนะและการทำความสะอาด ซึ่งแต่ละบริการนับเป็นสิ่งที่กลุ่มลูกค้าต้องการให้มีขึ้น เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันในยุคปัจจุบัน” นายยงยุทธ กล่าวเสริม
ล่าสุด พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ได้เพิ่มศักยภาพและความหลายหลายในการให้บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการที่เข้าไปบริหาร ผนึกกำลังพันธมิตรกว่า 8 ราย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ใช้บริการ PLUS CONCIERGE โดยพันธมิตรแต่ละรายได้นำเสนอสิทธิประโยชน์ที่พิเศษกว่าให้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“กว่า 10 ปีที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านบริหารโครงการ เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาศักยภาพในการให้บริการ เรามีทีมงานที่พร้อมมอบบริการที่เหนือกว่าแก่ลูกค้าของเราอย่างสม่ำเสมอ เราสานต่อการวางระบบจัดการภายในเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุดอยู่เสมอ อาทิ ระบบ PLUS QUALITY SERVICE (PQS) หรือมาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ซึ่งเป็นระบบการฝึกอบรมพนักงานทุกคนของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ซึ่งทำให้เกิดมาตรฐานในการให้บริการที่เป็นหนึ่งเดียวกันทุกโครงการที่บริษัทฯ ดำเนินงานบริหารจัดการอยู่ ระบบ PLUS MANAGEMENT SYSTEM (PMS) หรือระบบบริหารจัดการโครงการ ที่รวบรวมประสบการณ์ด้านงานบริหารจัดการโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และถ่ายทอดสู่การจัดทำระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานบริหารจัดการโครงการโดยเฉพาะ ทำให้โครงการที่ใช้ระบบ PMS มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการทั้งด้านความรวดเร็ว และความถูกต้อง พร้อมอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นสำหรับท่านเจ้าของบ้านซึ่งสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือติดต่อพนักงานประจำโครงการได้ โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ Internet ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นแกนหลักในการทำให้ทุกวันที่เราให้บริการคือทุกวันที่ลูกค้าพึงพอใจ และทำให้ทุกวันของชีวิตทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในโครงการที่เราบริหาร เป็นชีวิตที่สัมผัสได้ถึงความพิเศษสุดในการดำเนินชีวิต ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นจุดหมายสูงสุดของการดำเนินธุรกิจของเรา” นายยงยุทธกล่าว
“นับแต่นี้ต่อไป บริษัทฯ พยายามที่จะสร้างสรรค์ความพิเศษในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้เปิดตัวบริการ PLUS CONCIERGE LIMOUSINE และ PLUS CONCIERGE CAR WASH เพื่อสร้างความหลากหลายในการให้บริการ พร้อมทั้งเสริมสร้างความสะดวกสบายให้แก่กลุ่มลูกค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีใครสามารถให้บริการได้เช่นนี้ เพราะแน่นอนว่า กว่าเราจะสามารถพัฒนาบริการ PLUS CONCIERGE ขึ้นมาได้นั้นเราต้องใช้เวลาและความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับหลากหลายพันธมิตรซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเราคือตัวจริงในการให้บริการด้านธุรกิจบริหารโครงการของไทย และเชื่อมั่นว่าเราจะสานต่อการเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจบริหารโครงการไปอย่างต่อเนื่องแน่นอน” นายยงยุทธกล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ
อุดมลักษณ์ จิระฤทธิ์ธำรง, อภิชญา กียาพีระพัฒน์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
02-951-9119, 01-890-3568, 01-515-0561, 09-536-7724--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ