กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
กลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก รวมตัวกันจัดตั้งสมาคมผู้ผลิตอาหารทารก และเด็กเล็กผนึกกำลังสนับสนุนแนวทางการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน พร้อมระดมผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการร่วมมือกับภาครัฐ สร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับโภชนาการที่ดี ปลอดภัย และทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทารก
นายชูศักดิ์ เลมงคล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารทารก และเด็กเล็ก หรือ Pediatric Nutrition Manufacturer Association (PNMA) กล่าวว่า “ สมาคมฯ สนับสนุนนโยบายขององค์การอนามัยโลกและกรมอนามัยที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก ทั้งนี้หลังจาก 6 เดือน แม่ควรให้นมควบคู่กับอาหารอื่นที่เหมาะสมสอดคล้องกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการตามวัย เนื่องจากหลังจาก 6 เดือน ทารกจำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารบางชนิดเพิ่มเติมจากอาหารตามวัยสำหรับทารก เช่น โปรตีน เหล็ก แคลเซียม สังกะสี ไอโอดีน วิตามินเอ เป็นต้น เพื่อให้ทารกเจริญเติบโตตามวัยทั้งทางร่างกายและสมองอย่างเต็มศักยภาพ ความต้องการพลังงานของทารกจะเพิ่มขึ้นตามวัย โดยในช่วงอายุ 0-5 เดือน น้ำนมแม่จะให้พลังงานเพียงพอต่อความต้องการของทารก กล่าวคือประมาณ 512-575 กิโลแคลอรี่ (สำหรับมารดาที่มีน้ำนมปริมาณมาก) และพลังงานที่มีอยู่ในนมแม่จะลดน้อยลงขณะที่ทารกต้องการพลังงานมากขึ้นตามช่วงอายุ”
“นอกจากนี้ การได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กมีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เนื่องจากปัจจัยหลายประการ อาทิ สุขภาพ และปัจจัยทางเศรษฐกิจสังคมที่ส่งผลให้แม่ต้องทำงานงานนอกบ้าน ทำให้ประสบปัญหากับการเลี้ยงลูกด้วยนมเพียงอย่างเดียว โดยจากงานวิจัยพบว่า มีมารดาที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวครบ 4 เดือน และมารดาที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เลยมีจำนวนมากถึงร้อยละ 86.2”
นพ. สมภพ ไพบูลย์ศิริจิต ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ผลิตอาหารทารก และเด็กเล็ก กล่าวเสริมว่า“วัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งสมาคมฯ คือ เพื่อให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดภัย และเหมาะสมกับความต้องการของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน โดยสมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว”
“สมาคมฯ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลและยึดมั่นในการประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก โดยได้จัดทำระบบการกำกับดูแลตนเอง เกี่ยวกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของบริษัทสมาชิกสมาคมฯ ด้วยความสมัครใจ (self-regulation) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดรวมถึงการให้ความรู้แก่แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับข้อกำหนดตามมาตรฐานสากลและนโยบายขององค์การอนามัยโลก ดังนั้น เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์และให้คำแนะนำแก่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปกครอง เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับทารกที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน สมาคมฯ มีความเห็นว่า ภาครัฐและภาคีเครือข่ายต่างๆ ควรเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่าย ได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แก่บุคคลทั่วไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค” นพ. สมภพกล่าวปิดท้าย
อาหารทารกและเด็กเล็กมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการตามวัยของเด็ก ด้วยเหตุนี้ทางสมาคมฯ จึงเล็งเห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดโภชนาการที่ดีสำหรับทารกและเด็กเล็ก ดังนั้น การตัดสินใจใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารทารกและเด็กเล็กควรพิจารณาผ่านการหารือกับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค