กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--พีอาร์ วัน เน็ทเวิร์ค
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ประกาศยุทธศาสตร์เชิงรุกปี 56 วางมาตรการแก้ปัญหาทั้งระบบ ผสานภาครัฐแก้วิกฤติแรงงานขาดแคลนแบบเร่งด่วน ชูแผนระยะกลางผลักดันสมาชิกเข้าสู่ ISO9001 ผนึกสถาบันการศึกษากำหนดหลักสูตรวิชาชีพก่อสร้างเติมเต็มปัญหาระยะยาว ชี้ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านปีหน้าทรงตัว คาดมูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ราคาบ้านปรับตัวสูง 4-8 %
ดร.พัชรา ตัณฑยรรยง นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า สำหรับนโยบายการดำเนินงานของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2556 ได้วางมาตรการแก้ปัญหาทั้งระบบ ประกอบด้วยแผนการดำเนินงานระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยแผนการดำเนินงานในระยะสั้นที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน คือ ปัญหาวิกฤติแรงงานขาดแคลนโดยเฉพาะแรงงานฝีมือ โดยเร่งผสานภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินโครงการความร่วมมือในการแก้ไขและพัฒนากำลังคนภาคการก่อสร้าง สำหรับแผนระยะกลางได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสมาชิก โดยเฉพาะในด้านการบริหารจัดการ ซึ่งสมาคมฯ มีแผนงานที่จะผลักดันให้สมาชิกทุกบริษัทได้รับมาตรฐาน ISO 9001 ในปี 2556 อีกด้วย เพื่อรองรับมาตรฐานวิสาหกิจก่อสร้าง ที่จัดทำขึ้นโดยสถาบันการก่อสร้างฯ โดยขณะนี้ได้ร่วมมือกับสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทยในการขอการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในระยะ 3 —5 ปี จะเร่งผลักดันให้สมาชิกสามารถไปลงทุนและแข่งขันในระดับอาเซียน
ส่วนแผนการดำเนินงานในระยะยาวได้ร่วมกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาช่างก่อสร้าง ในสถาบันการศึกษา อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (อุเทนถวาย) นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการจัดทำยุทธศาสตร์สถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทยเพื่อพัฒนามาตรฐานการก่อสร้างของประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย
“ปัญหาเรื่องวิกฤติแรงงานขาดแคลน นับว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน และต้องเป็นระบบ โดยเฉพาะการสร้างแรงงานฝีมือที่ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นสมาคมฯ จึงมุ่งเน้นการฝึกอบรม พัฒนา และให้ความรู้ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง และจับมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาคราชการ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงปีนี้บริษัทรับสร้างบ้านบางบริษัทได้ชะลอการรับงานและชะลอแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย เนื่องจากแรงงานขาดแคลน” ดร.พัชรา กล่าว
สำหรับนโยบายหลักที่สำคัญอีกประการ คือ การสร้างการรับรู้ในคำว่า “รับสร้างบ้าน” ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สมาคมฯ ดำเนินการมาโดยตลอด และยังคงเป็นเรื่องที่ต้องมีการสานต่ออย่างต่อเนื่องผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การจัดงานรับสร้างบ้าน Focus, การจัดงานรับสร้างบ้านประจำทุกปี เป็นต้น นอกจากนี้สมาคมฯ จะเร่งสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านการให้ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจรับสร้างบ้านผ่านบทความทางวิชาการ อาทิ ความรู้เกี่ยวกับการสร้างบ้าน, วัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆ, ความรู้ทางด้านการเงิน ฯลฯ ให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังคงมุ่งเน้นความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับกับผู้บริโภค เร่งสร้างการรับรู้ในเชิงวิชาการและบริการสังคม
ดร.พัชรา กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2556 คาดว่าตลาดยังคงทรงตัวอยู่เมือเปรียบเทียบกับปีนี้ โดยในปี 2555 ตลาดรับสร้างบ้านมีมูลค่ารวมที่ประมาณ 10,200 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่สมาคมฯ คาดการณ์ไว้ โดยมีสาเหตุมาจากบริษัทรับสร้างบ้านบางบริษัทจำเป็นต้องชะลอการรับงานและเกิดข้อจำกัดของการปลูกสร้างของบริษัทรับสร้างบ้านตามที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการปรับตัวสูงขึ้นของค่าแรงงาน และปัญหาแรงงานขาดแคลน อย่างไรก็ดีคาดว่าในปี 2556 จะมีมูลค่าตลาดรวมใกล้เคียงกับปีนี้ ขณะเดียวกันค่าเฉลี่ยของการสร้างบ้านแต่ละหลัง มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 4-8 % ตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนค่าเฉลี่ยของงบประมาณในการปลูกสร้างบ้านนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 3 — 5 ล้านบาท