กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--สนพ.
ย้ำไทยมีศักยภาพผลิตไฟฟ้าจากขยะได้กว่า 1100 เมกะวัตต์ปลื้ม เทศบาลนครเชียงใหม่ นำร่องเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานย้ำอนาคต พร้อมสนับสนุนทุกพื้นที่เปลี่ยนขยะจากภาระของชาติ สู่พลังงานของประเทศ
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดชรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าปัจจุบันกระทรวงพลังงานพบว่า ประเทศไทยประสบปัญหาจากภาวะการกำจัดขยะ ซึ่งในแต่ละปีประชาชน 1คนจะก่อให้เกิดขยะสูงถึง 220 กิโลกรัมและประชาชนในประเทศทั้งหมดปัจจุบัน 64 ล้านคนก็จะก่อให้เกิดปริมาณขยะสูงถึง ปีละ 14.2 ล้านตัน
ซึ่งหากมีการนำขยะทั้งหมดดังกล่าว มาผลิตเป็นพลังงานเพื่อเป็นกระแสไฟฟ้าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงถึงเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าขนาด1100 เมกะวัตต์ทั้งนี้เพื่อเป็นลดภาระของประเทศในการกำจัดขยะจำนวนมากที่ต้องใช้เงินสูงถึง 400-500 ล้านบาทต่อตันซึ่งนอกจากต้องงบประมาณจำนวนมากแล้วยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้กระทรวงพลังงานได้รับเกียรติเป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาระหว่างเทศบาลนครเชียงใหม่ กับบริษัทSEPCO จำกัด (มหาชน) จากประเทศอังกฤษในโครงการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน โดยการนำขยะและวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ จำนวน 400 ตันต่อวันหรือประมาณ 150,000 ตันต่อปีเพื่อนำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าจากขยะ จำนวน 10 เมกะวัตต์ใช้ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งกระทรวงพลังงานให้การสนับสนุนโครงการมาตลอดตั้งแต่เริ่มแรกและนำโครงการเข้า คณะรัฐมนตรี (ครม.)จนได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ถือเป็นโครงการฯนำร่องที่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหลือใช้จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุดโดยนับได้ว่าเป็นโครงการตัวอย่างที่ดีที่สามารถปรับนำไปใช้กับเทศบาลอื่นๆของประเทศไทยได้ซึ่งนอกจากจะได้พลังงานไฟฟ้าแล้วยังไม่มีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยโดยกระทรวงพลังงานพร้อมจะสนับสนุนโครงการที่นำขยะเหลือใช้มาผลิตเป็นพลังงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--