MoviePlaying for Keeps

ข่าวบันเทิง Monday December 17, 2012 17:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท Romantic / Comedy กำหนดฉาย 27 ธันวาคม 2012 บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง อลัน ซีกัล (Machine Gun Preacher, Law Abiding Citizen) กำกับ แกเบรียล มัคซิโน่ (The Pursuit of Happyness, Seven Pounds) เขียนบท ร็อบบี้ ฟ๊อกซ์ (In the Army Now, So I Married an Axe Murderer) นำแสดง เจอราร์ด บัตเลอร์ (300, The Ugly Truth, The Bounty Hunter) เจสสิก้า บีล (Total Recall, The A-Team, Valentine's Day) แคทธาลีน ซีต้า โจนส์ (Chicago, Ocean Twelve, Rebound) อูม่า เธอร์แมน (Kill Bill Vol. 1 & 2, Ceremony) เนื้อเรื่อง เรื่องราวของ จอร์จ ดรายเออร์ (เจอราร์ด บัตเลอร์) อดีตนักฟุตบอลอาชีพชื่อดัง ที่พยายามกลับมาสานความสัมพันธ์กับ สเตซี่ย์ (เจสสิก้า บีล) ภรรยาเก่าและ ลูอิส ลูกชายคนเดียว โดยเขาตกลงที่จะเป็นโค้ชฟุตบอลให้กับทีมโรงเรียน แต่สิ่งที่ จอร์จ ไม่ได้เตรียมตัวรับมือก็คือ บรรดาคุณแม่ในสนามฟุตบอล ที่เชื้อเชิญให้เขากลับไปหาไลพ์สไตล์ในอดีต บรรดาผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขาก็มี เดนนิส (แคทธาลีน ซีต้า โจนส์) อดีตนักข่าวกีฬาสุดเซ็กซี่ ที่รู้สึกเบื่อชีวิตคู่ของตัวเอง, บาร์บ (จูดี้ เกรียร์) แม่ม่ายที่ต้องการใครซักคนที่คิดว่าเธอยังสวย รวมถึง แพ็ตตี้ (อูม่า เธอร์แมน) ที่ต้องการแก้เผ็ด คาร์ล คิง (เดนนิส เคว็ด) สามีที่นอกใจเธอมาตลอด ถึงแม้ในสนามฟุตบอล จอร์จ จะสามารถควบคุมลูกฟุตบอลได้ตามต้องการ แต่เรื่องของความสัมพันธ์นอกสนาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยรักษาเอาไว้ได้... จอร์จ ต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจอดีตภรรยาและลูก และต้องพยายามเอาชนะพฤติกรรมในอดีตและก้าวพ้นชีวิตที่เขาเคยมี Playing for Keeps นำแสดงโดย เจอราร์ด บัตเลอร์ (The Ugly Truth, The Bounty Hunter), เจสสิก้า บีล (New Year’s Eve, Valentine’s Day), แคทธาลีน ซีต้า โจนส์ (Chicago, Rebound), อูม่า เธอร์แมน (Ceremony, Kill Bill), จูดี้ เกรียร์ และ เดนนิส เคว็ด (What to Expect When You're Expecting) กำกับภาพยนตร์โดย แกเบรียล มัคซิโน่ (The Pursuit of Happyness, Seven Pounds) จากบทภาพยนตร์ของ ร็อบบี้ ฟ๊อกซ์ (So I Married an Axe Murderer) และอำนวยการสร้างโดย อลัน ซีกัล (Machine Gun Preacher, Law Abiding Citizen) ทีมงานเบื้องหลังของ Playing for Keeps ประกอบไปด้วยผู้กำกับภาพ ปีเตอร์ เมนซี่ย์ จูเนียร์ (Clash of the Titans), ผู้ออกแบบงานสร้าง แดเนียล ที ดอร์แรนซ์ (Max Payne), ผู้ตัดต่อภาพ พาแดร็ก แม็คคินลี่ย์ (17 Again, Charlie St. Cloud) และผู้คัดเลือกนักแสดง เดนนิส ชาแมน (Water for Elephants, Saving Private Ryan) จุดเริ่มต้น เรื่องราวใน Playing for Keeps เริ่มต้นจากที่ ร็อบบี้ ฟ็อกซ์ ผู้เคยเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง So I Married An Axe Murderer เป็นโค้ชเบสบอลให้ทีมโรงเรียน ซึ่งทำให้เขาได้พบกับ โจนาธาน มอสโทว์ ผู้กำกับหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง Terminator 3: Rise Of The Machines ที่เป็นผู้ช่วยโค้ช เพราะลูกของเขาอยู่ในทีม ฟ็อกซ์ ว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เราเป็นทีมโค้ชเบสบอลโรงเรียนทีมเดียวกัน ทำให้ผมและ โจนาธาน ได้คุยกันถึงเรื่องไอเดียของภาพยนตร์ ซึ่งเขาก็เสนอให้ผมลองเขียนบทขึ้นมา" โจนาธาน มอสโทว์ ที่เป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง Playing for Keeps ซึ่งมีผลงานการกำกับในหนังดังอย่าง Breakdown และ U-571 ก็เล่าถึงจุดเริ่มต้นการสร้างว่า "ผมจำได้ว่าวันหนึ่ง ร็อบบี้ เดินมาหาผมตอนที่เราคุมทีมเบสบอล เขาเล่าถึงพล็อตหนังว่า เป็นเรื่องราวของอดีตนักฟุตบอลที่เคยโด่งดัง แต่ล้มเหลวในเรื่องชีวิตคู่ เขาพยายามจะฟื้นความสัมพันธ์กับอดีตภรรยาด้วยการคุมทีมฟุตบอลของลูก แต่กลับต้องเจอบรรดาคุณแม่ที่ต้องการตัวเขา ร็อบบี้ เล่าว่าเขาเปลี่ยนจากกีฬาเบสบอลให้เป็นฟุตบอล เพราะมันคือกีฬาที่มีความเป็นสากลมากกว่า " มอสโทว์ เล่าถึงความรู้สึกหลังจากได้ยินไอเดียของ ร็อบบี้ ว่า "ผมชอบแกนหลักของหนัง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับหนังตลกคลาสสิกอย่าง Shampoo คุณจะรู้สึกถึงแก่นแท้ของตัวละครนี้ รู้สึกถึงความขัดแย้งภายในจิตใจของเขา มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าประทับใจและน่าขบขันในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ผมและ ร็อบบี้ ช่วยกันพัฒนาให้มันกลายเป็นบทภาพยนตร์" การตามหานักแสดงนำและผู้กำกับ ผู้เขียนบท ร็อบบี้ ฟ็อกซ์ มีแนวทางชัดเจนในเรื่องของนักแสดงนำ เขาต้องการให้ จอร์จ มีองค์ประกอบเหมือนกับ วอร์เรน เบตตี้ จากเรื่อง Shampoo ในยุค 70 เขาอธิบายว่า "ผมคิดว่าพระเอกของเราจะต้องถ่ายทอดความเป็นนักฟุตบอล ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต แต่ปัจจุบันต้องมาเป็นโค้ชให้กับทีมโรงเรียนเล็กๆ และมีเสน่ห์พอที่จะทำให้คุณแม่แต่ละคนจู่ๆแต่งหน้าทาปาก ใส่ส้นสูง ในขณะที่คุณพ่อก็เอาเสื้อหรือลูกฟุตบอลมาให้เขาเซ็น ผมต้องการให้พระเอกของเราถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมา ซึ่งท้ายที่สุดเราก็พบในตัวของ เจอราร์ด บัตเลอร์" ฟ็อกซ์ และทีมผู้สร้างตัดสินใจเลือกนักแสดงชาวสก็อต เจอราร์ด บัตเลอร์ ที่มีผลงานการแสดงในหนังฮิตอย่าง 300 และ The Ugly Truth โดยเขาก็เคยเป็นนักฟุตบอลก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนักแสดง และยังเป็นแฟนเดนตายของทีม กลาสโลว์ เซลติก บัตเลอร์ ได้พูดถึงความรู้สึกหลังอ่านบทว่า "ผมรู้สึกทันทีเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ผมอยากมีส่วนร่วม ประการแรกเลยก็คือมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬาที่ผมชื่นชอบที่สุด และก็ยังมีเรื่องราวและตัวละครที่ทำให้คุณหัวเราะและประทับใจไปกับมัน" เมื่อได้นักแสดงนำแล้ว ลำดับต่อไปก็คือการหาผู้กำกับ โดยผู้อำนวยการสร้าง โจนาธาน มอสโทว์ ก็เผยว่า "พวกเราต้องการใครบางคนที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์ขันและหัวใจของเรื่องราว นี่คือหนังที่มีสถานการณ์ตลกมากมาย แต่ก็ยังมีสารที่ดีที่มอบให้กับคนดู ทั้งเรื่องของความรับผิดชอบและความหมายของการเป็นพ่อ" ท้ายที่สุดแล้ว มอสโทว์ และ เจอราร์ด บัตเลอร์ ก็ตัดสินใจติดต่อหา แกเบรียล มัคซิโน่ ผู้กำกับชาวอิตาลี ที่สร้างชื่อจากหนังในบ้านเกิด The Last Kiss ที่ได้รับรางวัลขวัญใจคนดู จากเทศกาลหนังซันแด๊นซ์ปี 2002 ก่อนที่จะโด่งดังกับการกำกับ Pursuit of Happyness ที่ส่งชื่อให้นักแสดงอย่าง วิล สมิธ เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม บัตเลอร์ ได้พูดถึงการคัดเลือกผู้กำกับว่า "ผมรู้จักกับ แกเบรียล มานานแล้ว และก็ชอบผลงานของเขาทุกเรื่อง โดยเฉพาะหนังเรื่องแรกอย่าง The Last Kiss คุณจะรู้สึกได้ถึงพลังงานที่น่าทึ่งในผลงานของเขา คุณจะได้รู้จักกับตัวละครผ่านการเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อน ที่ทำให้คนดูรู้สึกอยากติดตามไปจนถึงบทสรุป นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่าเขาเหมาะกับการเข้ามากำกับหนังเรื่องนี้" สำหรับ แกเบรียล มัคซิโน่ เขาก็พูดถึงแนวทางในการเลือกโปรเจ็คของตัวเองว่า "เมื่อคุณเริ่มมองหาโปรเจ็คต่อไป คุณก็จะได้อ่านบทภาพยนตร์มากมาย สิ่งที่คุณทำได้ก็คือการทำความเข้าใจว่า บทภาพยนตร์ชิ้นไหนที่สื่อสารกับคุณในแนวทางเฉพาะตัว มันไม่จำเป็นต้องเป็นบทที่สมบูรณ์แบบ แต่มันต้องการสร้างความรู้สึกที่คุณสัมผัสได้ และเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วมันต้องการถ่ายทอดอะไร ผมคิดว่าบทของ Playing the Keeps สร้างความรู้สึกนั้นให้กับผม" มัคซิโน่ พูดถึงประเด็นในหนังที่ทำให้เขาสนใจว่า "มันคือเรื่องราวของพ่อที่ต้องเจอกับบททดสอบสำคัญ ที่จะทำให้เขากลายเป็นพ่อที่ดีขึ้น เป็นผู้ชายที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก่อนที่คุณจะเดินทางมาเผชิญหน้ากับบททดสอบนี้ คุณก็ต้องเคยมีประสบการณ์ชีวิต คุณอาจต้องพบกับความสูญเสียหรือเคยเจ็บปวดมาก่อน องค์ประกอบเหล่านั้นมันเชื่อมถึงผมได้" การตามหาทีมนักแสดง ด้วยส่วนผสมระหว่างบทภาพยนตร์ของ ฟ็อกซ์, ผู้กำกับ แกเบรียล มัคซิโน่ และนักแสดงนำ เจอราร์ด บัตเลอร์ ทำให้นักแสดงทั่วทั้งฮอลลิวู้ดให้ความสนใจ ซึ่งในที่สุดหนังก็ได้ทีมนักแสดงแถวหน้าเข้ามาร่วมสร้างสีสัน ไม่ว่าจะเป็น เจสสิก้า บีล, แคทธาลีน ซีต้า-โจนส์, อูม่า เธอร์แมน, จูดี้ เกรียร์ และ เดนนิส เคว็ด เจสสิก้า บีล ที่เพิ่งมีผลงานหนังแอ็คชั่นเรื่อง Total Recall คู่กับ โคลิน ฟาร์เรล และ เคท เบคคินเซล ก็พูดถึงการเข้ามาร่วมแสดงว่า "สำหรับฉันแล้วหนังเรื่องนี้มีทุกอย่าง ฉันอยากร่วมงานกับ แกเบรียล มานานแล้ว และการรับบทเป็นคุณแม่เลี้ยงลูกคนเดียวก็เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน แถมฉันยังได้ร่วมงานกับทั้ง อูม่า, แคทธาลีน, เจอราร์ด และ เดนนิส นี่คือทีมนักแสดงในฝัน พวกเขาเป็นคนที่ฉันนับถือตั้งแต่เข้าวงการ มันมีองค์ประกอบทุกอย่างที่ลงตัว และทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้ามาแสดง" ในขณะเดียวกัน อูม่า เธอร์แมน ที่ทั้งโลกรู้จักเธอจากหนังเรื่อง Kill Bill ภาคหนึ่งและสอง ก็พูดถึงการเข้ามาร่วมงานว่า "ฉันติดตามผลงานของ แกเบรียล มาตลอด และคิดว่า Playing for Keeps เป็นหนังครอบครัวที่ทั้งตลกและอบอุ่น ในปัจจุบันมีหนังแนวทางนี้น้อยเกินไป ฉันชอบอารมณ์ขันที่เกิดขึ้น และที่สำคัญคือ แกเบรียล อธิบายให้ฉันฟังอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการทำอะไร เขามอบอิสระให้ฉันถ่ายทอดความสนุกผ่านการแสดงอย่างเต็มที่" สำหรับ แคทธาลีน ซีต้า-โจนส์ นักแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์จาก Chicago ก็ได้ให้เผยถึงสิ่งที่ดึงดูดเธอว่า "ฉันคิดว่าผู้กำกับยุโรปมีสไตล์และแนวคิดที่น่าสนใจ การได้ร่วมงานกับทีมนักแสดงนี้ รวมถึงเรื่องราวที่น่าหลงไหล จับใจ ตลก และเชื่อมถึงได้ มันเป็นโอกาสที่ฉันไม่อยากพลาดกับการเป็นส่วนหนึ่ง" จูดี้ เกรียร์ ที่หลายคนรู้จักเธอจากซีรี่ย์ Mad Love ก็พูดถึงการเข้ามาร่วมงานว่า “ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งในหนังของ แกเบรียล มัคชิโน่ มาตั้งแต่ที่ได้ดู The Last Kiss และทึ่งกับผลงานของเขาในเรื่อง Pursuit Of Happyness และ Seven Pounds เขาเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่ต้องการไถ่บาปในอดีต และทำสิ่งที่เหนือกว่าหนังแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ที่เห็นทั่วไป" นักแสดงที่เพิ่งมีผลงานรอม-คอมรวมดาวเรื่อง What to Expect When You're Expecting อย่าง เดนนิส เคว็ด ก็ได้พูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาเข้ามาแสดงว่า "ผมคิดว่าบทมันตลกดี และผมก็รู้จักกับผู้อำกนวยการสร้างเรื่องนี้ ผมรู้ว่า เจอราร์ด เป็นนักแสดงนำ และผมก็ชอบผลงานหลายเรื่องของเขา แถมยังมีเพื่อนของผมอย่าง แคทธาลีน มันมีทีมนักแสดงที่ผมคิดว่าตัวเองจะต้องมีช่วงเวลาที่ดีในการทำงาน ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ" เจอราร์ด บัตเลอร์ ที่นอกจากแสดงนำแล้วยังเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ก็พูดถึงทีมนักแสดงในเรื่องนี้ว่า "ผมรู้สึกดีใจที่นักแสดงแต่ละคน ที่่เคยแสดงนำในหนังเรื่องอื่นๆ จะตอบตกลงเพื่อรับบทสมทบในเรื่องนี้ มันแสดงให้เห็นว่าวัตถุดิบที่เรามีนั้นมีแรงดึงดูดมากแค่ไหน และ แกเบรียล ก็ยังเป็นผู้กำกับที่ยอดเยี่ยมที่สุด สำหรับผมคงไม่ขออะไรไปมากกว่านี้" ด้วยทีมนักแสดงที่มีความสามารถ ผู้กำกับ แกเบรียล มัคชิโน่ ก็พูดถึงความรู้สึกว่า "ผมเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์และแนวทางที่ชัดเจน นั่นคือการถ่ายทอดเรื่องราวเสมือนชีวิตจริง ซึ่งความลึกซึ้งของเรื่องมาจากการแสดงที่ดีของนักแสดง ที่จะดึงดูดผู้ชมเข้าไปในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อมได้กับสิ่งที่กำลังเห็นและลืมไปว่านี่คือหนัง ผมคิดว่านักแสดงทุกคนเห็นสิ่งที่ผมต้องการทำ และก็ทำให้พวกเขาอยากเข้ามาแสดง" การตามหา “ลูอิส” นอกจาก เจอราร์ด บัตเลอร์ และทีมนักแสดงชั้นนำแล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญของเรื่องก็คือลูกชายของ จอร์จ ดรายเออร์ ที่เขาพยายามกลับไปเชื่อมความสัมพันธ์ด้วย ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว โนอาห์ โลแม๊กซ์ นักแสดงวัยเก้าขวบ ที่เคยมีบทบาทในซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง The Walking Dead ก็เข้ามารับบทนี้ ผู้กำกับ แกเบรียล มัคชิโน่ ได้พูดถึงแนวทางในการเฟ้นหานักแสดงเด็กว่า "การตามหานักแสดงเด็กไม่ใช่งานที่ง่าย เสน่ห์ของเด็กไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่สามารถเลียนแบบได้ เสน่ห์ของเด็กก็คือนัยน์ตาของพวกเขา แนวทางที่พวกเขามองคุณ แนวทางที่เมื่อคุณมองกลับไปแล้วจะลืมไปว่าตัวเองทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน ตัวอย่างที่ดีก็คือนักแสดงเด็กจากเรื่อง Kramer Vs. Kramer และ Black Stallion" มัคชิโน่ พูดถึงการเลือกนักแสดงคนนี้เข้ามารับบทเป็น ลูอิส ว่า "พวกเราโชคดีที่ได้ โนอาห์ เพราะเขาเป็นเด็กที่เป็นเด็กจริงๆ เขามีวิธีการพูดบทที่อ่อนโยน แต่ก็ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป เขามีแนวทางการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ปราศจากการเรียนแอ็คติ้งแย่ๆ โนอาห์ เป็นเด็กที่น่ารัก เป็นธรรมชาติ และมีเสน่ห์ที่สุด" เจอราร์ด บัตเลอร์ ก็กล่าวชื่นชมนักแสดงเด็กคนนี้ว่า "พวกเราใช้เวลาร่วมกันตลอดเวลา และฉากที่ผมชื่นชอบก็ล้วนเป็นฉากที่ผมแสดงกับเขา ผมคิดว่าตัวละครอย่าง ลูอิส เป็นเหมือนลูกนกที่พยายามปกป้องพ่อนกอย่างผม พวกเราสองคนพยายามที่จะทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าฮีโร่ของเขา ซึ่งก็คือพ่อ จะทำให้เขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งการถ่ายทอดความรู้สึกนี้ออกมา คุณก็ต้องการนักแสดงที่มีพรสวรรค์ และ โนอาห์ ก็คือคนนั้น ผมคิดว่าเขามีอนาคตไกล" บทสรุปของ Playing for Keeps ผู้อำนวยการสร้าง โจนาธาน มอสโทว์ กล่าวถึงบทสรุปในแนวทางของเขาว่า "ผมคิดว่าคนดูจะชื่นชอบหนังเรื่องนี้ เพราะมันทั้งสนุก ตลก ประทับใจ และอบอุ่น ถ่ายทอดโดยทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ผมรู้สึกประทับกับการแสดงที่มีมิติของ เจอราร์ด ผมคิดว่าเขาได้แสดงให้เห็นถึงด้านที่คนดูไม่เคยเห็นมาก่อน" อีกหนึ่งผู้อำนวยการสร้าง อลัน ซีกัล ได้เสริมว่า "หนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังตลกที่ทุกคนหลงไหลในยุค 60-70 ที่เกี่ยวกับคนจริงๆในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง มันทั้งตลกและประทับใจ เรามี เจอราร์ด ที่เป็นเหมือนสมอเรือของหนัง นักแสดงหญิง 4 คนที่คุณชื่นชอบและติดตามผลงาน และผู้กำกับ แกเบรียล มัคชิโน่ ที่นำอารมณ์ขันและเสน่ห์ของการเล่าเรื่องในสไตล์ของตัวเองมาใส่ในภาพยนตร์เรื่องนี้" ผู้กำกับ มัคชิโน่ ก็สรุปในแนวทางของเขาว่า "นี่คือหนังตลกที่ทำให้คุณรับรู้ถึงความเปราะบาง และความละเอียดอ่อนของจิตวิญญาณมนุษย์ ซึ่งมันก็เป็นเครื่องมือในการสร้างปมของเรื่องและสถานการณ์ที่นำไปสู่ความครื้นเครงและหวานขม ที่เราทุกคนเคยสัมผัสหรือเชื่อมถึงได้ ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติว่าเราคือใคร และเราต้องการเป็นใครในอนาคต" เจสสิก้า บีล ก็เสนอแง่มุมของเธอว่า "สิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือความสมจริง อารมณ์ขันของมันออกมาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง เพราะชีวิตก็มีทั้งความตลก ความน่าอับอาย ความแปลกใจ และความเพี้ยน นี่คือตัวละครที่มีการตัดสินใจด้วยความรู้สึก มันไม่ใช่เรื่องผิดที่บางครั้งคุณอาจตัดสินใจผิด มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ฉันคิดว่าทุกคนจะเชื่อมถึงตัวละครเหล่านี้ได้" เจอราร์ด บัตเลอร์ ก็กล่าวสรุปว่า "ผมคิดว่ามันเป็นหนังที่ตลก มีพลัง และประทับใจ ที่ทำให้คุณมองย้อนกลับไปถึงชีวิตของตัวเอง มันเป็นส่วนผสมระหว่าง Shampoo และ Tootsie มันคือหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ที่สร้างด้วยหัวใจ และคุณก็จะได้เห็นนักแสดงที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น เจสสิก้า บีล, อูม่า เธอร์แมน, แคทธาลีน ซีต้า-โจนส์, จูดี้ เกรียร์, เดนนิส เคว็ด และผมด้วย (หัวเราะ)" ทีมนักแสดง เจอราร์ด บัตเลอร์ (รับบทเป็น จอร์จ ดรายเออร์) เจอราร์ด บัตเลอร์ เป็นที่รู้จักจากคนทั้งโลก ในบทบาท กษัตริย์เลโอนิดาส์ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ในภาพยนตร์ที่ปฏิรูปวงการหนังแอ็คชั่นอย่าง 300 ของผู้กำกับ แซ็ก สไนเดอร์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำลายสถิติในการเปิดตัวสามวันแรกสำหรับหนังเรทอาร์ และสุดท้ายแล้วทำเงินรวมไปกว่า 450 ล้านเหรียญทั่วโลก ล่าสุด บัตเลอร์ เพิ่งนำแสดงในหนังขายฝีมืออย่าง Machine Gun Preacher ที่สร้างจากเรื่องจริงของอดีตสิงห์มอเตอร์ไซด์ ที่กลับใจไปช่วยเหลือเด็กในแอฟริกา รวมถึง Coriolanus ที่นำบทประพันธ์ของ เช็คสเปียร์ มาเล่าใหม่ในพื้นหลังของสงครามกลางเมือง โดยในปี 2009 เขาก็ได้นำแสดงใน The Ugly Truth หนังโรแมนติก-คอมเมดี้คู่กับดาราสาวสุดฮ็อต แคทเธอรีน ไฮเกิล และหนังแก๊งสเตอร์ของผู้กำกับ กาย ริชชี่ เรื่อง RocknRolla รวมถึง Gamer หนังแอ็คชั่น/ไซไฟของผู้กำกับ Crank บัตเลอร์ มีชื่อเสียงจากการที่เขาเป็นนักแสดงที่เล่นได้หลากหลายบท โดยเขาจับคู่กับ โจดี้ ฟอสเตอร์ และ อบิเกล เบรสลิน ในหนังผจญภัยแฟนตาซีเรื่อง Nim's Island และ P.S. I Love You ภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า คู่กับ ฮิลลารี สแวงค์ โดย บัตเลอร์ ยังโชว์พลังเสียงด้วยการรับบทเป็น เดอะ แฟนธ่อม ใน The Phantom of the Opera ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากจากละครเวทีของ แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์ รวมถึงการแสดงในหนังอินดี้ ที่ได้รับเสียงชื่นชมท่วมท้นอย่าง Dear Frankie คู่กับนักแสดงสาว เอมิลี่ มอร์ติเมอร์ ที่เปิดฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ บัตเลอร์ เริ่มต้นอาชีพนักแสดงในภาพยนตร์ของผู้กำกับ จอห์น แม็ดเด็น เรื่อง Mrs. Brown ที่รับบทนำโดย จูดี้ เดนซ์ โดยเขายังมีบทบาทการแสดง ที่เราอาจจดจำเขากันได้อย่าง Beowulf & Grendel, Timeline, Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life และ Reign of Fire เจสสิก้า บีล (รับบทเป็น สเตซี่ย์) เธอเพิ่งมีผลงานหนังแอ็คชั่น/ไซไฟประจำซัมเมอร์ 2012 เรื่อง Total Recall ประกบคู่กับ โคลิน ฟาร์เรล และ เคท เบคคินเซล โดยก่อนหน้านี้เธอก็มีผลงานภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น The A-Team หนังแอ็คชั่นที่สร้างจากซีรี่ย์ชื่อดัง รวมถึง New Year's Eve และ Valentine's Day หนังโรแมนติก-คอมเมี้รวมดาราของผู้กำกับ แกรี่ มาร์แชลล์ บีล แจ้งเกิดมาจากซีรีส์ดราม่าเรื่อง 7th Heaven ซึ่งทำให้เธอได้รับโอกาสเข้ามาสู่เส้นทางของนักแสดงจอเงิน ไม่ว่าจะเป็น Elizabeth Town กำกับโดย คาเมรอน โครว์ ร่วมแสดงกับ ออร์แลนโด บลูม และ คริสเต็น ดันส์, หนังแอ๊คชั่น/ระทึกขวัญ Stealth แสดงร่วมกับ จอช ลูคัส และ เจมี่ ฟ็อกส์, Blade: Trinity ประกบ เวสลี่ย์ สไนป์และ ไรอัน เรย์โนลด์, Texas Chainsaw Massacre หนังสยองขวัญที่ถูกนำมาทำใหม่, Cellular แสดงร่วมกับคิม บาซิงเจอร์ และ คริส อีแวนส์และ The Illusionist ที่เธอประกบคู่กับ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน เจสสิกา บีล เคยได้รับตำแหน่ง ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุด จาก นิตยสาร Esquire โดยเธอเกิดในมินนิโซตา ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง และเริ่มแสดงตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เธอเริ่มต้นการแสดงละครเวที Annie, The Sound of Music และ Beauty and the Beast ก่อนที่จะก้าวสู่การเป็นนางแบบและพรีเซ็นเตอร์โฆษณา หลังจากเข้าแข่งขันใน The International Modeling และ Talent Association’s Annual Conference ในปี 1994 แคทธาลีน ซีต้า-โจนส์ (รับบทเป็น เดนนิส) เธอคือนักแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จาก Chicago ภาพยนตร์เพลงที่ดัดแปลงมาจากละครเวทีชื่อดัง ซึ่งตัวหนังนั้นก็ยังได้รับรางวัลออสการ์สาขาหนังยอดเยี่ยมประจำปีอีกด้วย โดยในปี 2012 เธอก็มีผลงานในหนังมิวสิเคิลอีกเรื่องก็คือ Rock of Ages ของผู้กำกับ Hairspray และนำแสดงโดย ทอม ครูซ ในปี 2009 เธอก็มีผลงานหนังโรแมนติก-คอมเมดี้เรื่อง The Rebound คู่กับ จัสติน เบอร์ธ่า โดยยังมีผลงานคู่กับ กาย เพียร์ซ ในหนังโรแมนติก-ทริลเลอร์เรื่อง Death Defying Acts และ No Reservations ที่เธอแสดงร่วมกับ แอรอน เอ็คฮาร์ท และ อบิเกล เบรสลิน และ Ocean Twelve ภาคที่สองหนังโจรกรรมของผู้กำกับ สตีเฟ่น โซเดอเบิร์ก นักแสดงสาวชาวเวลส์คนนี้ เป็นที่รู้จักโดยคนทั่วโลกจากผลงานในหนังแอ็กชั่นสุดมันส์เรื่อง The Mask of Zorro ซึ่งมีภาคต่ออย่าง The Legend of Zorro โดยผลงานเรื่องอื่นของเธอก็ยังมี The Terminal ที่เธอแสดงคู่กับ ทอม แฮ้งค์, Intolerable Cruelty ที่เธอแสดงคู่กับ จอร์จ คลูนี่ย์ และ Traffic หนังยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ ที่ทำให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ อูม่า เธอร์แมน (รับบทเป็น แพ็ตตี้) อูม่า เธอร์แมน ถือเป็นนักแสดงคุณภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของรุ่น โดยเธอได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง เควนติน ทารันติโน่ ในหนังคลาสสิกอย่าง Pulp Fiction โดยรับบทเป็น มีอา วอลเลซ ภรรยาของมาเฟีย ซึ่งส่งผลให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และการร่วมงานของทั้งคู่ในหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง Kill Bill Vol. 1 และ Vol. 2 ก็ยิ่งเป็นเครื่องการันตีว่าเธอสามารถแสดงได้ทั้งแสดงบทบาทดราม่าและแอ็คชั่น ก่อนหน้านี้ อูม่า ก็ยังมีผลงานต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ The Truth About Cats And Dogs, Batman & Robin ในบทวายร้าย พอยซั่น ไอวี่ย์, Gattaca ที่เธอแสดงคู่กับ อีธาน ฮอว์ค และ จู๊ด ลอว์, Sweet And Lowdown ของผู้กำกับ วู้ดดี้ อัลเลน, Les Miserable ร่วมกับ เลียม นีสัน โดยที่เธอก็ยังมีผลงานทางจอแก้วอย่าง Hysterical Blindness ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม อูม่า แจ้งเกิดในหนังคุณภาพอย่าง Dangerous Liaisons ของผู้กำกับ สตีเฟน เฟรียร์ส ในบท เซซิล เด็กสาวใสซื่อที่ตกเป็นเหยื่อในเกมรักเกมแค้นของสาวใหญ่ (รับบทโดย เกลน โคลส) ซึ่งส่งผลให้เธอเริ่มเป็นที่ต้องการ และนำไปสู่การรับบทในหนังดังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Henry & June (ฟิลิป คอฟแมน, 1990), Final Analysis (ฟิล โจอานู, 1992), Even Cowgirls Get the Blue (กัส แวน ซองต์, 1993), Mad Dog and Glory (จอห์น แม็กนอห์ตัน, 1993) จูดี้ เกรียร์ (รับบทเป็น บาร์บ) ผลงาน >>> 13 Going on 30, Love and Other Drugs, What Women Want เดนนิส เคว็ด (รับบทเป็น คาร์ล) ผลงาน >>> The Day After Tomorrow, Vantage Point, What to Expect When You're Expecting ทีมผู้สร้าง แกเบรียล มัคซิโน่ (ผู้กำกับ) ผลงาน >>> The Pursuit of Happyness, Seven Pounds, The Last Kiss ร็อบบี้ ฟ๊อกซ์ (ผู้เขียนบท) ผลงาน >>> So I Married an Axe Murderer, In the Army Now อลัน ซีกัล (อำนวยการสร้าง) ผลงาน >>> Machine Gun Preacher, Law Abiding Citizen ปีเตอร์ เมนซี่ย์ จูเนียร์ (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> Clash of the Titans, The Incredible Hulk, Die Hard With A Vengeance แดเนียล ที ดอร์แรนซ์ (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> Max Payne, Mission Impossible II & III, Saving Private Ryan พาแดร็ก แม็คคินลี่ย์ (ผู้ตัดต่อภาพ) ผลงาน >>> 17 Again, Charlie St. Cloud, Alfie, Igby Goes Down เดนนิส ชาแมน (ผู้คัดเลือกนักแสดง) ผลงาน >>> Water for Elephants, Saving Private Ryan

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ