กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--เวิรฟ
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นอันดับหนึ่งของโลก เผยความสำเร็จของผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2555 พร้อมเปิด กลยุทธ์รุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นภาคอุตสาหกรรมในปีหน้า มุ่งผนึกพันธมิตรผู้ผลิตเครื่องจักรระดับโลกเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับเทคโนโลยีล่าสุด พร้อมนำเสนอหลากผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำ และมุ่งเน้นบริการด้วยทีมงานมืออาชีพและศูนย์บริการครบวงจร “เชลล์ แคร์” ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสูงสุด มั่นใจครองอันดับหนึ่งตลาดน้ำมันหล่อลื่นอินเตอร์แบรนด์ต่อเนื่องในประเทศไทยมากกว่า 10 ปีซ้อน ด้วยยอดจำหน่ายเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในปี พ.ศ. 2556
มร. เอ็มมานูเอล มิญโญต์ ผู้จัดการใหญ่ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น กลุ่มประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเกาหลี บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม และเชลล์ยังเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นอินเตอร์ แบรนด์ โดยคาดว่ายอดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นทั้งหมดในปี พ.ศ. 2555 จะเติบโตขึ้นราว 5-7% หรือประมาณ 370-380 ล้านลิตร (เป็นน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรม 168 ล้านลิตร) และมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้ จะช่วยให้เชลล์สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำมันหล่อลื่นอินเตอร์แบรนด์ และผลักดันยอดขายในปี พ.ศ. 2556 ให้เติบโตขึ้นมากกว่า 10%”
ทั้งนี้ 4 กลยุทธ์หลักที่เชลล์มุ่งเน้นเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้แก่ “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องจักร” เชลล์ได้ลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ผ่านศูนย์วิจัยทั้ง 6 แห่งทั่วโลก ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย อีกทั้งยังทำงานร่วมกับผู้ผลิตเครื่องจักรระดับโลกอย่างใกล้ชิด เช่น Siemens, Wartsila, Flender และ Sew เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับเทคโนโลยีในเครื่องจักรรุ่นใหม่ โดยล่าสุดเชลล์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน และทนงานหนัก รวมทั้งช่วยปกป้องเหนือกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมทั่วไป อาทิ เชลล์ เทลลัส เอส 4 เอ็มอี ผลิตภัณฑ์สังเคราะห์แท้ 100% สำหรับน้ำมันไฮดรอลิค, น้ำมันเกียร์ เชลล์ โอมาล่า เอส 4 จีเอ็กซ์ และ น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล เชลล์ ริมูล่า อาร์ 6 เอ็ม นอกจากนี้เชลล์ยังได้คิดค้นและพัฒนา “เชลล์ ไดอาล่า” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงสำหรับหม้อแปลงเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า ที่ใช้นวัตกรรม GTL - Gas to Liquid ซึ่งช่วยให้น้ำมันมีความบริสุทธิ์สูง และปราศจากสารซัลเฟอร์ (Zero Sulphur) จึงช่วยป้องกันการกัดกร่อน และการเกิดปฎิกิริยา ออกซิเดชั่นภายในหม้อแปลงไฟฟ้า
สำหรับ กลยุทธ์ด้านบุคลากรฝ่ายขายและเทคนิค เชลล์ได้จัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และความสามารถในเชิงลึก ทั้งทีมฝ่ายขายเพื่อสามารถให้บริการและคำแนะนำแก่ลูกค้า และทีมวิศวกรเพื่อให้มีความชำนาญในการสนับสนุนทางเทคนิคในสถานประกอบการของลูกค้า นอกจากนี้เชลล์ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเฉพาะทางมากกว่า 300 คนทั่วโลก ที่พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับแต่ละภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเดินหน้าจัดงานสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีแก่ลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า โรงงานผลิตน้ำตาล ธุรกิจก่อสร้าง และอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ในส่วน ความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า เชลล์ได้จัดตั้งศูนย์บริการลูกค้าแบบครบวงจร หรือ “เชลล์ แคร์” ที่ครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การสั่งซื้อสินค้าไปจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน โดยมีบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมและสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งผลสำเร็จของกิจกรรมดังกล่าวเห็นได้จากผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นถึง 20% ที่สำคัญเชลล์ยังริเริ่มโปรแกรม “เชลล์ e-Serve” ที่ให้บริการลูกค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างสะดวกและรวดเร็ว และช่วยให้การจัดส่งสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลยุทธ์สุดท้ายคือ การบริหารพื้นที่ขาย เชลล์ได้แบ่งรูปแบบการให้บริการสำหรับภาคอุตสาหกรรมใน 2 ส่วน เพื่อครอบคลุมการบริการเชิงลึกทั่วประเทศ คือ 1.กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมใหญ่ ได้จัดตั้งทีมงานแบบขายตรง ที่ดูแลและให้บริการตามพื้นที่จังหวัดในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม และ 2.กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม ได้จัดตั้งผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 5 ราย เพื่อให้บริการในเชิงคุณภาพได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
“จากความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นภาคอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับกลยุทธ์ในการรุกตลาดทั้ง 4 ด้านอย่างแข็งแกร่ง ทำให้เชลล์มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในปี พ.ศ. 2556 ให้เติบโตขึ้นมากกว่า 10 % และสามารถครองตำแหน่งผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นอินเตอร์ แบรนด์อันดับหนึ่งของโลกและในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน” มร. เอ็มมานูเอล กล่าวสรุป