กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--OutDoor PR Plus
“ฟู้ดสไตลิสต์” สร้างปรากฏการณ์ใหม่ สู่วงการอาหารเมืองไทย จัดแข่งขัน Thailand The Chef Battle 2012” คัดสุดยอดเชฟใน 5 ภูมิภาค หวังแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการใช้วัตถุดิบไทยที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน พร้อมสานต่อโครงการฯ ปีหน้าเตรียมจัด “The 1st Thailand Culinary World Challenge 2013”ดึง 15 เชฟ จากทั่วโลก ร่วมแข่งขันทำอาหารไทย หวังสร้างภาพลักษณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยและแผ่ขยายวัฒนธรรมอาหารไทยทั่วโลก
นายประวิตร เปรื่องอักษร ประธานกรรมการ บริษัทฟู้ดโปรเจ็ค (สยาม) จำกัดและบรรณาธิการบริหาร นิตยสารฟู้ดสไตลิสต์(Foodstylist Magazine)เปิดเผยว่า ปีนี้ ถือเป็นปีแรก ของ “โครงการ Thailand The Chef Battle2012” ที่ขยายเวทีการแข่งขันไปยัง 4 ภาค หลังจากจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้วัตถุดิบไทยสี่ภาค และภูมิปัญญาการทำอาหาร ของแต่ละท้องถิ่น ที่มีคาแรคเตอร์ และมีความแตกต่างกันในแต่ละภาค ภายใต้คอนเซปต์ “อาหารไทยห้าภาค”ด้วยการจัดโรดโชว์แข่งขันทำการคัดเลือกทั้ง 5ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว กลาง เซ็นทรัลพระราม 9 ภาคตะวันออก เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เซ็นทรัลขอนแก่นและภาคใต้ หัวหิน โดยแต่ละภาคจะส่งตัวแทน 5 ทีม แล้วคัดเหลือภาคละ 2 ทีม ซึ่งการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ได้มีกำหนดจัดงานขึ้นในวันนี้ (วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม2555)นี้ ณ ลานด้านหน้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า
“ความแตกต่างในรอบชิงชนะเลิศปีนี้ คือ คอนเซ็ปต์อาหารพอเพียง โดยพิจารณาจากความแตกต่างของอาหารทั้ง 5 ภาค ผู้เข้าแข่งขันจะใช้ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์อาหารของแต่ละภาคอย่างไร ให้มีทั้งรสชาติที่โดดเด่น และการตกแต่งออกแบบอาหารอย่างมีเอกลักษณ์น่าสนใจ ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการในปีนี้จะได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเชฟรุ่นใหม่ เกิดความสนใจ และมีความพยายามในการพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นพร้อมแลกเปลี่ยนวัตถุดิบในแต่ละภาค สามารถนำมาพัฒนาอาหารไทยได้อย่างสร้างสรรค์ เพราะอาหารไทย ถือเป็นอีกหนึ่งงานศิลปะศาสตร์ชั้นสูง ที่ต้องการให้คนในประเทศ และต่างประเทศสร้างสรรค์อาหารไทยทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นโครงการ Thailand The Chef Battleในปีหน้าเรามีโครงการฯ สานต่อด้วย“The 1st Thailand Culinary World Challenge 2013”ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้เกียรติจาก 15 เชฟทั่วโลกจะมาร่วมเปิดประสบการณ์ทำอาหารไทยถือว่าเป็นการปลุกกระแสวัฒนธรรมอาหารไทย ได้มีโอกาสรุกไปยังต่างประเทศมากยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม สำหรับเวทีThailand The Chef Battle 2012เราใช้เกณฑ์ตัดสินเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และความแปลกใหม่ให้สมกับเป็น Foodstylist ประกอบด้วย รสชาติอาหาร วัตถุดิบที่นำมาใช้ ความคิดสร้างสรรค์ การตกแต่ง เป็นต้น โดยรางวัลรอบชนะเลิศ จะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศจาก
กระทรวงแรงงานเหรียญรางวัลพร้อมเกียรติบัตร เงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท สินค้าจากผู้สนับสนุนโครงการฯ และสมาชิกนิตยสาร Foodstylist 2 ปี สำหรับทุกคนในทีม
ด้าน เชฟนพดล นุชเจริญ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ชะอำ-หัวหิน กล่าวว่า สำหรับสนามการแข่งขันที่หัวหิน รอบคัดเลือกโซนภาคใต้ ได้รับความสนใจมาก ทั้งจากผู้ประกอบการโรงแรม และร้านอาหาร แม้จะจัดขึ้นเป็นปีแรกแต่ก็ได้รับความสนใจ โดยมีผู้สมัครเข้าแข่งขันได้เกิน 50% จากเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งสามารถคัดเลือกออกมาได้ 6 ทีม จากผู้เข้าสมัครส่วนใหญ่ที่มาจากโรงแรม และมีการจัดแข่งขันไปเมื่อ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่บริเวณลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ
ทีมที่มีความโดดเด่นมาก คือ ทีมกอซอ และทีมหรรษา จุดแข็งของอาหารโซนภาคใต้ คือ รสชาติของอาหารท้องถิ่น รวมทั้งของหวาน ที่มีชื่อเสียง ทำให้มั่นใจในการแข่งขันรอบต่อไป ซึ่งทางชมรมได้มีการพัฒนาเพื่อสร้างความโดดเด่นของอาหารให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
“สำหรับปีหน้า จะมีการจัดแข่งขันต่อเนื่อง เพราะโครงการนี้ถือเป็นการส่งเสริมกิจกรรมท้องถิ่น ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ช่วยกันส่งเสริมให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น สำหรับในปีต่อๆ ไป จะเชิญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ามามีส่วนร่วม และส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันในปีต่อๆ ไป”
ขณะที่ เชฟเมธี มหามิตร ประธานชมรมพ่อครัว-แม่ครัวภาคเหนือกล่าวว่าสำหรับโซนภาคเหนือ จัดการแข่งขัน ณ ลานน้ำพุ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต มีผู้สนใจเข้าสมัครแข่งขันเกือบ 20 ทีม ในการแข่งขันเชฟที่เข้าร่วมต้องสร้างสรรค์เมนูอาหารเหนือโดยใช้วัตถุดิบปริศนา คือ หอยเชลล์ เป็นส่วนประกอบหลัก พร้อมทั้งต้องอธิบายแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์เมนูให้กับคณะกรรมการ โดยทีม ดุสิตดีทู 2 ได้แก่ บุญเลิศ โชคสร้างทรัพย์และนิกร เตรียมตระนา สามารถคว้าชัยและเป็นตัวแทนภาคเหนือไปร่วมการแข่งขันที่กรุงเทพฯในรอบชิงชนะเลิศ
“การแข่งขันในปีนี้ ได้รับความสนใจทั้งจากเชฟมืออาชีพ และระดับนักศึกษา เพราะเวทีการแข่งขันนี้ สามารถช่วยเป็นตัวชี้วัดความสามารถ และเพิ่ม Skill การทำอาหารให้กับผู้เข้าแข่งขัน พร้อมกันนี้ ยังสร้างชื่อเสียงให้เกิดการยอมรับได้”
อย่างไรก็ตาม โครงการการแข่งขันทำอาหารในลักษณะนี้ ยังมีน้อย ปีหน้าชมรมฯ จึงมีแผนที่จะกระตุ้นให้มีการแข่งขันมากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาศักยภาพของการแข่งขันและผู้เข้าแข่งขันให้มากขึ้น เพราะโครงการเหล่านี้ สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี และทางชมรมฯ ยังได้เชิญให้การท่องเที่ยวฯ ร่วมสนับสนุนการแข่งขันในครั้งต่อๆ ไปด้วยเช่นกัน