กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--สำนักงาน กสทช.
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. นำเงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz งวดแรก จำนวน 22,299,844,963.43 บาท ส่งกระทรวงการคลังเพื่อนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินตามมาตรา 45 แห่งพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 โดยยอดเงินนำส่งข้างต้นนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีการนำส่งในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไปแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 เป็นจำนวน 1,456,875,000 บาท
ทั้งนี้เงินรายได้ดังกล่าวเป็นเงินรายได้ที่สำนักงาน กสทช. ได้รับจากการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz งวดแรกในอัตราร้อยละ 50 ของมูลค่าการประมูลจากผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย เป็นเงิน 22,269,375,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เป็นจำนวน 1,456,875,000 บาทแล้ว) พร้อมดอกเบี้ยรับ 67,959,924.66 บาท ที่ได้จากการนำไปฝากกับธนาคารพาณิชย์ระหว่างรอการออกใบอนุญาตฯ หักค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการประมูลฯ จำนวน 37,489,961.23 บาท
แต่โดยที่ขณะนี้ได้มีผู้ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ศาลอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางกรณีที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินในคดีหมายเลขดำที่ 2865/2555 ต่อศาลปกครองสูงสุดซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย อนึ่ง ในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวอันมีผลให้สำนักงาน กสทช. ต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้ผู้ประมูล สำนักงาน กสทช. ขอให้กระทรวงการคลังส่งเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยคืนให้กับสำนักงาน กสทช. เพื่อสำนักงานฯ จะได้คืนให้กับผู้ประมูลต่อไป
นายฐากร กล่าวว่า นอกจากเงินรายได้จากการประมูลหลังหักค่าใช้จ่ายที่นำส่งกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว การให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz จะทำให้ประชาชนได้ใช้บริการที่มุคุณภาพ หลากหลาย ในราคาที่เป็นธรรม นอกจากนั้นข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการว่า การให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz ที่จะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีแรกของปี 2556 จะทำให้ธุรกิจบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเฉพาะบริการด้านข้อมูลเติบโตขึ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 32.5 ของมูลค่าตลาดรวม ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวมในปี 2556 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 210,000 — 214,900 ล้านบาท