ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิต “แอ๊ดวานซ์ อะโกร” ที่ระดับ “BBB” พร้อมแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday October 20, 2004 09:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กร บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ซึ่งสะท้อนถึงฐานะผู้ผลิตกระดาษพิมพ์เขียนและเยื่อกระดาษรายใหญ่ที่สุดในประเทศ รวมถึงการมีโรงงานที่มีประสิทธิภาพและมีการผลิตที่ครบวงจร โดยการจัดอันดับยังคำนึงถึงความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนข้อจำกัดทางการเงินที่ลดลงหลังจากที่บริษัทปรับโครงสร้างหนี้รอบ 2 เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนโดยภาระหนี้ของบริษัทที่ยังคงมีอยู่ค่อนข้างสูง ตลอดจนราคาเยื่อและกระดาษที่ค่อนข้างผันผวน และประเภทผลิตภัณฑ์ที่มีค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” เป็นผลจากการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเนื่องจากความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งฐานะทางการเงินของบริษัทในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอันดับเครดิตที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มตลาดเยื่อและกระดาษเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทก็อาจเปลี่ยนแปลงเนื่องจากบริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินค่อนข้างต่ำ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่บริษัทจะใช้เงินสดส่วนเกินไปในการชำระหนี้ล่วงหน้าเป็นส่วนใหญ่
ทริสเรทติ้งรายงานว่า การอ่อนค่าของเงินบาทในปี 2540 ส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร ปรับเพิ่มขึ้นสูงมาก บริษัทและบริษัทย่อยต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารในประเทศ 3 แห่งในปี 2543 และไม่สามารถชำระหนี้หุ้นกู้แปลงสภาพ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ครบกำหนดในวันที่ 17 มิถุนายน 2544 ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ชำระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวจนหมดภายใน 6 เดือนหลังจากนั้นโดยได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นกู้ นอกจากนี้ บริษัทยังไม่สามารถดำรงอัตราส่วนทางการเงินตามที่ระบุไว้ในสัญญาปรับโครงสร้างทางการเงิน จึงต้องมีการลงนามในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินฉบับ Master Override Agreement (MOA) กับธนาคารในประเทศทั้ง 3 แห่งในเดือนมิถุนายน 2546 โดยหนี้ทั้งหมดของบริษัทที่มีกับธนาคารทั้ง 3 แห่ง ซึ่งรวมถึงหนี้สินค่าเครื่องจักรที่ธนาคารดังกล่าวได้จ่ายชำระแทนบริษัทประมาณ 16,000 ล้านบาทนั้นได้รับการขยายเวลาการชำระออกไปเป็น 9 ปี โดยสิ้นสุดในปี 2555 และได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระเงินค่างวดที่ต้องจ่ายในปี 2550 เนื่องจากบริษัทมีภาระที่จะต้องไถ่ถอนหุ้นกู้จำนวน 48.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คาดว่ากระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเพียงพอต่อการชำระหนี้ ณ เดือนกันยายน 2547 บริษัทได้ชำระหนี้ล่วงหน้าไปแล้วกว่า 1,766 ล้านบาท
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ความต้องการใช้เยื่อกระดาษในประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความต้องการใช้กระดาษพิมพ์เขียนลดลงเล็กน้อยในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540-2541 โดยลดลงจาก 425,000 ตันในปี 2539 มาอยู่ที่ 397,000 ตันในปี 2540 และ 356,000 ตันในปี 2541 ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นในปี 2542 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ความต้องการใช้เยื่อและกระดาษพิมพ์เขียนในช่วงปี 2542-2546 อยู่ที่ประมาณ 6% และ 12% ตามลำดับ ในปี 2546 ความต้องการใช้เยื่อกระดาษภายในประเทศเติบโตถึง 12.1% ในขณะที่กระดาษพิมพ์เขียนเติบโตถึง 8.8% ความต้องการใช้เยื่อและกระดาษพิมพ์เขียนในต่างประเทศก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากความต้องที่เพิ่มขึ้นมากในประเทศจีน
บริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร มีประเภทสินค้าที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพราะบริษัทเน้นเพียงการผลิตกระดาษพิมพ์เขียน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีข้อได้เปรียบจากการที่มีกระบวนการผลิตที่ครบวงจร โดยมีโรงงานผลิตเยื่อและกระดาษตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันที่ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งปลูกยูคาลิปตัสของบริษัทในเครือบริษัทคือ บริษัท อะโกร ไลน์ส จำกัด ซึ่งทำสัญญาระยะยาวในการจัดหาไม้ยูคาลิปตัสให้แก่บริษัทเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ และโรงงานยังอยู่ในพื้นที่ที่สะดวกในการขนส่งสินค้าด้วย ในปี 2546 บริษัทนำเยื่อกระดาษที่ผลิตได้กว่า 50% ไปใช้ในกระบวนการผลิตกระดาษพิมพ์เขียน อีก 5% จำหน่ายในประเทศ และส่วนที่เหลือส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จีน เกาหลี และมาเลเซีย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 บริษัทมีหนี้สินรวม 17,423 ล้านบาท ลดลงจาก 19,144 ล้านบาทในปี 2546 และ 19,990 ล้านบาทในปี 2545 ทว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 66.9% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 รายได้และกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทค่อนข้างผันผวน โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วง 20%-42% โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 ลดลงมาอยู่ที่ 21% จากที่ประมาณการไว้ที่ 26% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งภาระดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้กระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานสูงถึง 1,635 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ