สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 21, 2012 10:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,668 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,644 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.64 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,150 บาท กับ 24,250 บาท และกลับมาปิดที่ 24,200 บาท กับ 24,300 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 5,455 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 9,392 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 45 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2% แบบ 10 บาท ลดลง 2% Silver Futures ลดลง 7% GFZ12 ปิด 23,960 บาท และ GFG12 ปิด 24,190 บาท GF10Z12 ปิดที่ 23,970 บาท GF10G12 ปิดที่ 24,180 บาท SVZ12 ปิด 920 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 21.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,645.9 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 1.43 ดอลลาร์ ที่ระดับ 29.67 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,350.52 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 15 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 90.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 59.75 จุด ปิดที่ 13,311.72 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 52.7 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ ที่มา KITCO, TheBullionDesk, Reuters, CNBC ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการทำ Liquidation อย่างหนักโดยเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ ในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายในตลาดทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1,650 เหรียญ มากกว่า 1% ลงมาเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยราคาทองคำหลุดระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันลงมา ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทรงตัวอยู่ได้มาเป็นเวลา 4 เดือน ช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทยมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทางสหรัฐออกมาดีเป็นอย่างมากคือ จีดีพีไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดอย่างมากที่ระดับ 3.1% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% จึงก่อให้เกิดแรงคาดการณ์ที่ว่า ตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวที่อาจทำให้การใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินสั้นลง หลังจากราคาทองคำหลุดระดับแนวรับทางเทคนิคที่จุดต่ำสุดของวันอังคารบริเวณ 1,662 เหรียญลงมา ก่อให้เกิดการกระตุ้นคำสั่ง Sell Stop Orders ใหม่ๆ เข้ามาในสัญญาทองคำส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เช่นเดียวกันกับซิลเวอร์ที่มีคำสั่ง sell stops เข้ามาหลังจากที่ราคาหลุดแนวรับที่แข็งแกร่งบริเวณจุดต่ำสุดของเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 30.79 เหรียญ นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่นายสมิทธ์ บาร์นีย์ จากมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ชี้แนะที่ปรึกษาทางการเงินถึงการดึงเงินสดของลูกค้าออกจากกองทุนจอห์น พอลสัน ซึ่งการประกาศดังกล่าวได้กระตุ้นแรงคาดการณ์ว่า มหาเศรษฐีเฮดจ์ฟันด์เมเนเจอร์อาจต้องการทำ Liquidate การลงทุนในทองคำ การเทขายในวันพฤหัสบดีส่งผลให้ RSI ระดับ 14 วันลงไปสู่ระดับ 25 ซึ่งถือว่าอยู่ในภาวะ oversold เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ภาพทางเทคนิค ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาลงในระยะสั้น จะเป็นขาขึ้นได้ต้องฝ่าจุดแนวต้านทางเทคนิคที่แข็งแกร่งในจุดต่ำสุดของเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 1,674.7 เหรียญ มองว่าแนวโน้มขาลงรอบถัดไปอันใกล้จะมีราคาเป้าหมายลงไปใกล้ระดับแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,600 เหรียญ แนวต้านแรกจะอยู่ที่ 1,650 เหรียญ และ 1,660 เหรียญ แนวรับแรกจะเป็นจุดต่ำสุดของวันพฤหัสบดีที่ 1,636 เหรียญ และ 1,625 เหรียญ ข้อมูลจากไอเอ็มเอฟเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อิรักมีการเพิ่มการถือครองทองคำเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยมีการเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำเป็น 4 เท่าสู่ระดับ 31.07 ตัน ในขณะที่บราซิลเพิ่มการสำรองทองคำเกือบ 1 ใน 3 ส่วนในเดือนพฤศจิกายนเป็นจำนวน 14.68 ตัน หรือ 28% ส่งผลให้มีการสำรองทองคำอยู่ที่ระดับ 67.19 ตัน นอกจากนี้ ประเทศแอฟริกาใต้มีการเพิ่มการสำรองทองคำเช่นกันในเดือนกันยายน 2 ตัน และเดือนตุลาคมจำนวน 17.17 ตัน ในขณะที่ตุรกีลดการถือครองทองคำในเดือนที่ผ่านมาลง 5.84 ตันจากเดือนตุลาคม สู่ระดับ 314 ตัน ประเทศเบลารุสเพิ่ม 1.39 ตันสู่ระดับ 42.7 ตัน รัสเซียมีทั้งซื้อและขายทองคำในช่วงโอกาสต่างๆ ซึ่งรวมแล้วปริมาณเพิ่ม 2.86 ตันสู่ระดับ 937.8 ตัน นายจอห์น โบห์นเนอร์ โฆษกสภาพรรครีพับลิกันออกมายกเลิกฉับพลันถึงการลงมติในคืนวันพฤหัสบดีสำหรับแผนในการเพิ่มภาษีคนรวย เมื่อหัวหน้าพรรครีพับลิกันได้ออกมายอมรับว่า เขาคงไม่มีแรงสนับสนุนเพียงพอต่อข้อเสนอดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลงทันทีที่มีการยกเลิกการลงมติ นายแฮร์รี่ รี้ด กล่าวว่า วุฒิสภาจะเปิดประชุมใหม่ในวันพฤหัสบดีหน้า ซึ่งเป็นเวลา 5 วันก่อนถึงกำหนดเส้นตาย โดยสภาคองเกรสชุดปัจจุบันจะทำงานจนถึงวันที่ 2 มกราคม ดังนั้นจึงเป็นเส้นตายสำหรับการอนุมัติหนทางแก้ไข หากปราศจากข้อตกลงใด การปรับเพิ่มภาษีและการตัดลดค่าใช้จ่ายจะมีผลทันทีและจะขึ้นอยู่กับสภาคองเกรสชุดใหม่ที่จะมาถึงในวันที่ 3 เพื่อพยายามทำการประนีประนอมอีกครั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศเมื่อคืน - Existing Home Sales ตัวเลขจริงออกมาที่ 5.04M จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 4.76M - Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขจริงออกมาที่ 8.1 จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ -10.7 - Unemployment Claims ตัวเลขจริงออกมาที่ 361,000 ราย จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 344,000 ราย - Final GDP q/q ตัวเลขจริงออกมาที่ 3.1% จากตัวเลขเดิมอยู่ที่ 2.7% ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 1.8% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ -0.2% - Core PCE Price Index m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.1% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.1% - Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.5% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.2% - Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ -0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.4% - Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 74.5 คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 74.9 วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวในทิศทางขาลงตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยตลาดรับรู้ข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาคือตัวเลข GDP ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ มาอยู่ที่ระดับ 3.1% ทำให้เกิดแรงเทขายในทองคำอีกครั้งหนึ่ง และหลุดแนวรับที่ระดับ 1,662 เหรียญลงมา ทองคำถูกกดดันด้วยความคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้น และปัญหา Fiscal Cliff ที่แก้ปัญหาไม่จบก่อนเทศกาลคริสมาส ซึ่งทางพรรคริพับ บริกัน โดยนายโบเนอร์ ออกมาแสดงความเสียใจและยกเลิกแผนบีกับภาครัฐบาล สรุปคือ Fiscal Cliss ก็ไม่สามารถตกลงได้ก่อนคริสมาส และต้องคอยดูผลหลังเทศกาลคริสมาส โดยทองคำตกลงมาและหลุดแนวรับที่ระดับ 1,662 เหรียญ และทำจุดต่ำสุดเมื่อคืนที่ระดับ 1,635 เหรียญในตลาด Comex เกิด Panic Selling อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับมาในช่วงปลายตลาด Comex และกลับมาปิดระดับ 1,643 เหรียญโดยประมาณ สรุปราคาทองคำและซิลเวอร์รวมถึงทองแดงที่เป็นกลุ่มโลหะมีค่ามีการปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยซิลเวอร์มีการปรับตัวลงประมาณ 3% ทองคำปรับตัวลงประมาณ 1.7% การปรับตัวลดลงนี้ทำให้ภาพรวมของทองคำดูลดความสดใสลงไปมากและต้องจับตาดูข่าว Fiscal Cliff จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มของราคาทองคำเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาลง ทั้งระยะสั้น กลาง และ ยาว โดยที่กราฟในระยะยาวปรับตัวตัดลงมา แนวรับของทองคำที่เป็นแนวต่อไปจะอยู่ระดับ 1,620 และ 1,600 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดที่ทองคำ Break Out ขึ้นมาเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม จากการที่รับข่าว QE3 ซึ่งทองคำได้ปรับตัวขึ้นจากระดับ 1,620 เหรียญ และตอนนี้มีท่าทีว่าจะกลับลงไปที่เดิม ทองคำในวันนี้จะมีแนวรับอยู่ระดับ 1,635 และแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,650 เหรียญ แนะนำให้ลูกค้าบริหารพอร์ทให้เหมาะสมซึ่งได้แนะนำมาก่อนหน้านี้สองวันแล้ว และพยายามลดสถานะ Long Position ลงหรือตัดขาดทุน นักลงทุนที่ใช้ Margin น่าจะต้องทำ Stop loss หรือลด Long Position เนื่องจากไม่รู้ว่าทองคำจะหยุดตกเมื่อไร ถ้ายังถือต่ออาจจะเข้าสู่ระดับ Force Close จึงย้ำว่าการลงทุนทองคำจะต้องบริหารพอร์ทให้เหมาะสม ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำ Stop Loss หรือลด Long Position เพื่อปรับความสมดุลในพอร์ทให้เข้ากับสภาวะของตลาด Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,000 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,420 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 890 บาท และแนวต้านที่ระดับ 930 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวในกรอบขาลง 1,635 — 1,650 เหรียญ ยังมองว่าราคาน่าจะมีการแกว่งตัวอย่างมาก นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) แนะนำให้เริ่มเปิด Short Position บ้างหลังจากที่แนะนำให้ปิดไปหมดแล้วเมื่อวานนี้ และให้เปิด Short Position เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง เมื่อวานได้แนะนำให้ลดพอร์ทออกไปบ้างแล้ว และทั้งหมดที่เหลือที่ถือ Long Position น่าจะสามารถถือได้มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ในการถือครองระยะยาวคือต้องไม่ใช้ Margin อะไรเลย และพอร์ทที่ใช้ Margin ไม่ถือเป็นการถือครองระยะยาว เนื่องจากมีความเสี่ยงจากการใช้ Margin บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ