กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--ตลท.
บมจ. แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 25 ธันวาคมนี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,100 ล้านบาท เป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ลำดับที่ 10 ใน mai ปีนี้
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 25 ธันวาคม 2555 โดย ARROW ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อร้อยสายไฟฟ้า ท่อลม ท่อระบายอากาศ ท่อก่อสร้าง และท่อประปา ตลอดจนข้อต่อต่างๆ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ผู้ติดตั้งงานระบบไฟฟ้า และประปาสำหรับโครงการมาตรฐาน กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการทำการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย และผู้รับเหมาโครงการ บริษัทได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยผลงานที่สำคัญ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม ศูนย์ราชการกรุงเทพฯ แจ้งวัฒนะ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์
ARROW มีทุนชำระแล้ว 200 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 5 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 45 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 17-19 ธันวาคม 2555 ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 275 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ ARROW เปิดเผยว่า บริษัทต้องการรักษาความเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กร้อยสายไฟฟ้าของประเทศไทย และมีแผนการขยายธุรกิจรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานใหม่ ซื้อเครื่องจักรสำหรับขยายกำลังการผลิต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ARROW 3 รายแรก ได้แก่ กลุ่มนายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ ถือหุ้น 57.42% กลุ่มนายภาณุพงศ์ วิจิตรทองเรือง ถือหุ้น 7.23% และ กลุ่มนางประคอง นามนันทสิทธิ์ ถือหุ้น 7.15% ราคา IPO ของ ARROW ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 12.12 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลังคือ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 — ไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ซึ่งเท่ากับ 90.74 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (Fully diluted) ซึ่งเท่ากับ 200 ล้านหุ้น ซึ่งได้เท่ากับ 0.4537 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.arrowpipe.com และที่เว็บไซต์ www.mai.or.th