กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--กันตนา กรุ๊ป
เนรมิตรสวนอัมพร อบอวลกลิ่นอายย้อนยุค อิ่มอร่อยกับขนมไทยสมัย ร.6
29 - 31 ต.ค.นี้ ชวนชาวไทยร่วมค้นหากุหลาบงามสยามนคร “นางสาวไทยคนที่ 41”
นับถอยหลัง เหลือเพียงอีกไม่กี่วันเท่านั้น ชาวไทยทุกคนก็จะได้มีส่วนร่วมค้นหาสาวงามที่จะครองมงกุฎนางสาวไทย ปี 2547 ในบรรยากาศย้อนยุคดังเช่นสมัยก่อนที่มีการประกวดนางงามวชิราวุธ และที่พิเศษสุดสำหรับปีนี้ก็คือ นอกจากการประกวดสาวงามแล้ว ยังได้สร้างสรรค์ความบันเทิงให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมรำลึกอดีต กับรูปแบบงาน “บิวตี้ แฟร์” ตลอด 3 วันเต็ม ในวันที่ 29-31 ต.ค.นี้ ด้วยการเนรมิตพื้นที่บริเวณสวนอัมพรทั้งหมดให้เป็นแดนสวรรค์แห่งความงาม และดอกกุหลาบ
เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม และสัมผัสบรรยากาศย้อนยุค ได้ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน ในกลิ่นอายไทยโบราณกับความงามแบบไทยๆ ใน 5 โซน อย่าง เวทีเกียรติยศสาวไทย, รื่นเริงสุขใจทุกมุมมอง, ข้าวของคนไทยครบถิ่น, กรุ่นกลิ่นอิ่มอวลชวนชม, อาศรมงามพักตร์งามเนตร และปิดท้ายด้วยพาเหรดย้อนสยามนามนิยม ขบวนพาเหรดบุปผาชาติที่ตกแต่งอย่างสวยงาม และหนึ่งในบรรยากาศความงามแห่งมวลหมู่ดอกกุหลาบที่น่าสนใจไม่แพ้โซนไหนๆ ก็คือ “กรุ่นกลิ่น อิ่มอวลชวนชม” ซึ่งเป็นบริเวณรับประทานอาหาร และจิบน้ำชาในบรรยากาศของสวนสวย พร้อมทั้ง อิ่มอร่อยกับขนมไทยหลากหลายชนิด ที่แกะสลักและประดิษฐ์ประดอยอย่างสวยงามให้เข้ากับแนวคิด “กุหลาบงาม สยามนคร” Queen of the Roses
“ผศ.ดร.นฤมล นันทรักษ์” หัวหน้าโปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมอาหาร และการบริการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กล่าวถึง ขนมไทยแท้แต่โบราณ ที่หาชิมและหาชมได้ยากในปัจจุบัน แต่จะพรักพร้อมไว้ให้ประชาชนได้เห็นหน้าค่าตา และร่วมลิ้นชิมรส ขนมไทยที่ทรงคุณค่าในงาน Beauty Fair ว่า “อาหารคาวหวานที่มีอยู่ในงานประกวดนางสาวไทยปีนี้ มาจากบทเห่เรือ ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยในสมัยโบราณจะมีการเสด็จประพาสทางน้ำ จึงมีบทเห่เรือเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการชมเรือ ชมนก ชมปลา และชมเครื่องหรือที่เรียกว่า ชมเสวย ซึ่งอาหารที่จะนำมาโชว์ ในงานมีเยอะมาก และจะเป็นกุหลาบทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปงาน
อาหารคาวที่จัดมาแสดงเป็นอาหารว่าง ซึ่งดูแล้วอาจไม่ค่อยแปลก แต่สิ่งที่พิเศษคือกระบวนการ และวิธีการทำ อย่าง “ข้าวตังหน้าน้ำพริกเผา” ตัวข้าวตังเราทำเอง ซึ่งจะเป็นข้าวสุกอ่อนที่เอามากวน แล้วนวดจนเหนียว จากนั้นนำมาทำเป็นแผ่น อบให้แห้ง แล้วนำไปทอดให้กรอบ ส่วนน้ำพริกเผาจะพิเศษจากน้ำพริกเผาทั่วไป คือ เราจะคัดพิเศษไม่ว่าจะเป็นพริก กุ้งแห้ง ตัวน้ำตาล หรือมะขามเปียก ซึ่งดูผิวเผินอาจจะธรรมดาแต่ความจริงแล้วไม่ธรรมดาค่ะ
“ขนมเบื้องกรอบ” มีความพิเศษตรงที่หลังจากเราเรียงแป้งแล้ว เราจะนำไปทอดให้กรอบอีกครั้ง แล้วนำมาพับให้ปากอ้านิดหนึ่ง เพื่อที่จะใส่ไส้ลงไป ไส้ขนมเราจะทำต่างหาก โดยจะมีกุ้ง เต้าหู้ ถั่วงอก เอามาผัดให้แห้ง ถ้ามันแฉะจะทำให้ตัวแป้งนิ่ม รับรองได้ว่าไม่เคยเจอขนมนี้ที่ไหนมาก่อนแน่นอนค่ะ
สำหรับของหวานอย่าง “ลูกชุบ” ปกติเป็นการนำแป้งถั่วเขียวมากวน แล้วปั้นให้เป็นผลไม้ต่างๆ แต่ด้วยคอนเซ็ปของการประกวดนางสาวไทยปีนี้ เราจึงนำถั่วมาปั้นเป็นดอกกุหลาบ หรืออย่าง “ขนมชั้น” ปกติจะมีการหยอดเป็นชั้นๆ แล้วลอกออกมา แต่ขนมชั้นของเราต้องลอกออกมาทีละชั้นแล้วจับเป็น กลีบกุหลาบ
ส่วนผลไม้ จะมีเทคนิควิธีการแกะสลักที่ทำออกมาในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะเป็นดอกกุหลาบทั้งหมด อย่างแตงโมก็แกะเป็นดอกกุหลาบได้ดอกใหญ่ โดยภายในงานนอกจากจะมีจำหน่ายแล้ว ยังมีการสาธิตเทคนิควิธีการทำด้วย ซึ่งถ้าใครสนใจ หรืออยากสัมผัส และเจออาหารอร่อยๆ ตกแต่งสวยงาม ก็ไปชมกันได้ ในงานประกวดนางสาวไทยที่สวนอัมพร”
ประชาชนสามารถร่วมชมงาน ตื่นตากับบรรยากาศย้อนยุคของการประกาศนางสาวไทยประจำปี 2547 สัมผัสดินแดนสวรรค์แห่งความงาม และดอกกุหลาบนานาพันธุ์ โชว์ตระการ พร้อมการแสดงสินค้าโอท็อป อิ่มอร่อยกับอาหารไทยในบรรยากาศของสวนสวย ได้ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน ณ สวนอัมพร ระหว่างวันที่ 29 — 31 ตุลาคม นี้ บัตรเข้าชมโดยรอบบริเวณงานเพียง 20 บาทเท่านั้น สำหรับรอบตัดสินจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2547
กองประกวดนางสาวไทย 0-2791-1586--จบ--