EARTH ประกาศโปรเจ็กยักษ์ส่งท้ายปี ซื้อเหมืองอินโดฯ รีเสิร์ฟ 40 ล้านตัน - ผถห.ชื่นมื่นไม่ต้องควักแม้แต่แดงเดียว แถมรับวอร์แรนต์ฟรี

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 24, 2012 11:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--IR network EARTH ประกาศโปรเจ็กยักษ์ส่งท้ายปีมังกร เข้าซื้อเหมืองที่อินโดนีเซียจาก PT. Hary Niaga มูลค่า 3,695 ล้านบาท มีปริมาณสำรองถ่านหินไม่เกิน 40 ล้านตัน ใช้วิธีเพิ่มทุนขายพีพีนำหุ้นไปแลกเหมืองใหม่ จำนวน 454,464,945 หุ้น กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 8.13 บาทต่อหุ้น งานนี้ผู้ถือหุ้น EARTH รับโชคหลายชั้น ได้เป็นเจ้าของเหมืองโดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว แถมยังได้วอร์แรนต์สัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ฟรี เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเอาไว้ ด้าน "ขจรพงศ์ คำดี" เผย ขณะนี้ EARTH กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดตั้งโรงไฟฟ้าในเหมืองถ่านหิน เพื่อจะเดินหน้าผลักดันธุรกิจและผลประกอบการในอนาคตเติบโตอย่างมีศักยภาพ นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2555 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากทุนจดทะเบียนเดิม 3,027,615,570 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,605,495,683 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ไม่เกิน 4,500,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่เป็นจำนวนไม่เกิน 1,472,384,430 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นของ PT. Hary Niaga ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และได้รับสัมปทาน ประเภท Izin Usaha Pertambanhan Eksplorasi (IUP Exploration) จากรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทจะขอเข้าถือหุ้น ใน PT. Hary Niaga 100 % จากผู้ถือหุ้นเดิมของ PT. Hary Niaga ทั้งสิ้นไม่เกิน 3,694,800,000 บาท จากผู้ถือหุ้นของ PT. Hary Niaga ซึ่งมูลค่าหุ้นที่ซื้อคำนวณจากปริมาณสำรองถ่านหิน (Reserve) ไม่เกิน 40 ล้านตัน (คิดเป็นพื้นที่สัมปทานประมาณ 4,940 Hector หรือ 30,875 ไร่) บนพื้นที่อีสท์กาลิมันตัน ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้สรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 454,464,945 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ PT. Hary Niaga ในราคาหุ้นละ 8.13 บาทด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share swap) "ในเบื้องต้นสำรวจพบปริมาณถ่านหินอยู่ประมาณ 30-40 ล้านตัน ส่วนปริมาณถ่านหินที่แน่นอนอย่างเป็นทางการบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทผู้ประเมินอิสระเป็นผู้ตรวจอบความถูกต้องขั้นตอนสุดท้ายตามวิธีการ ที่ยอมรับทั่วไป JORC และคาดว่าจะได้รับรายงานได้ภายใน 4-6 เดือน หากปริมาณสำรองมีน้อยกว่า 30.0 ล้านตัน ผู้ขายจะจัดหาสัมปทานแปลงอื่นเพิ่มเติมให้มีปริมาณไม่น้อยกว่า 30.0 ล้านตัน ซึ่งการลงทุนซื้อเหมืองแห่งใหม่ในครั้งนี้ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินสด เราใช้วิธีเพิ่มทุนเพื่อแลกกับการถือหุ้นร้อยละ100 ใน PT. Hary Niaga นอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจตามแผน 5 ปีข้างหน้าเพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างมีศักยภาพแล้ว ยังจะทำให้บริษัทมีแหล่งถ่านหินสำรองเพิ่มขึ้น สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้นานถึง 10 ปี และที่สำคัญเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ถ่านหินที่ออกจากเหมืองของ EARTH เอง โดยคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีแผนที่จะเข้าซื้อสัมปทานจากผู้ขายรายเดิมในเหมืองถัดไป ซึ่งได้มีการเจรจาไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อเป็นการรองรับ Mission ตามแผน 5 ปีข้างหน้าและในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการสร้างโรงไฟฟ้าในเหมืองถ่านหิน เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรัฐบาลประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแผนในอนาคตในการต่อยอดธุรกิจ"นายขจรพงศ์กล่าว นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้มีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,002,971,168 หุ้น รองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่4 (EARTH-W4) ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ทั้งนี้ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นในราคาหุ้นละ 8.13 บาท อายุ ไม่เกิน 2 ปี ซึ่งราคาในการแปลงวอร์แรนต์เป็นราคาเดียวกันกับที่บริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ PT. Hary Niaga และหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 14,948,317 หุ้น จัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัท ครั้งที่ 3 (EARTH-W3) จากการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิในอนาคต เขากล่าวต่อว่า จากการเข้าลงทุนในครั้งนี้จะยิ่งทำให้ EARTH มีความมั่นคงทางธุรกิจถ่านหินมากขึ้น โดยการเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหิน (Mining) ที่มีปริมาณสำรองของถ่านหินในปริมาณค่อนข้างสูง ซึ่งจะเป็นลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาวัตถุดิบ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวต่อบริษัท และยังช่วยเพิ่มรายได้ในระยะยาวเนื่องจากมีแหล่งวัตถุดิบเป็นของตนเองรวมถึงทำให้อัตรากำไรดีขึ้น ทำให้โครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดย บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนลดลง ที่สำคัญช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ในระยะยาวได้อีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ