กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--คิธ แอนด์ คินฯ
ทุกวันนี้ปัญหาภาวะโลกร้อนเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่เห็นได้บ่อย ๆ ขณะนี้เห็นจะเป็นสภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติ จนมีคนเสียชีวิตตามมา อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน ต้นไม้จะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา
ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, ธนาคารกรุงไทย, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และบริษัทสยามดนตรียามาฮ่า จำกัด ร่วมจัดกิจกรรม "ปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบท ปี 3" ที่โรงเรียนวัดโคกโพธิกุญชร จ.ลพบุรี เพื่อเป็นการให้เด็ก ๆ ได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า “ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่วันนี้ได้มาเยี่ยมเยียนและสนับสนุนโรงเรียนวัดโคกโพธิกุญชร หนึ่งใน 80 โรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ ปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบท ปี 3 ซึ่งที่ผ่านมา มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการนี้แล้วกว่า 160 โรงเรียนทั่วประเทศ และปลูกต้นไม้ไปแล้วรวม 80,000 ต้น ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ ก็ภูมิใจที่แต่ละโรงเรียนสามารถนำเงินจากการปลูกต้นกระดาษตรงนี้ ไปพัฒนาห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ สนามเด็กเล่น เป็นการพัฒนาการศึกษาเด็กไทยต่อไป และในปีนี้นอกเหนือจากต้นกระดาษที่ดั๊บเบิ้ล เอ สนับสนุนแล้ว ทางโครงการฯยังร่วมปลูกปัญญาเด็กนักเรียน โดยร่วมมือกับพันธมิตรได้แก่ ธนาคารกรุงไทย, อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และบริษัทสยามดนตรียามาฮ่า จำกัด มอบหนังสือพร้อมตู้หนังสือเพื่อเข้าห้องสมุดโรงเรียน และเครื่องดนตรี เพื่อฝึกฝนเด็กไทยให้มีความสามารถ และรู้จักดูแลรักษาธรรมชาติเพื่อโลกของเราต่อไปอีกด้วย”
ทั้งนี้ ที่มาของโครงการ คือ การทำพื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการนำต้นกระดาษมาปลูกตามพื้นที่ว่างของโรงเรียน ทำให้โรงเรียนเกิดความร่มรื่น และเมื่อต้นไม้เติบโตจนสามารถตัดมาจำหน่ายได้ โรงเรียนก็จะนำรายได้จากโครงการมาสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้น ทั้งการต่อเติมอาคารเรียน การปรับสนามบอล และการซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จึงให้เกิดเป็นโครงการปลูกต้นกระดาษ ปลูกปัญญาขึ้น
โดยปีนี้ ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนโครงการฯ ทำให้โครงการฯ สามารถมอบหนังสือพร้อมตู้หนังสือเพื่อเข้าห้องสมุดโรงเรียน และมอบเครื่องดนตรี ซึ่งหนังสือในชุดนี้ ประกอบด้วย หนังสืออ่านนอกเวลาเด็กเล็ก หนังสือหมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า(หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯ) สารานุกรมเรื่องต่างๆ และหนังสือคนเล่าเรื่องเมืองน่ารัก ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฯลฯ เพื่อร่วมเป็นแหล่งปลูกปัญญาให้กับโรงเรียนอีกทางหนึ่ง โดยโครงการฯ หวังว่า จะเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนไทยรักการอ่านมากขึ้น และเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
อาจารย์สมศักดิ์ ก้านลำใย อาจารย์ผู้ดูแลโครงการ กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณดั๊บเบิ้ล เอ อย่างสูงในการสนับสนุนทุนพัฒนาการศึกษาโรงเรียนในชนบทอย่างโรงเรียนโคกโพธิกุญชร ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 และมีนักเรียนทั้งสิ้น 105 คน ภายใต้การดูแลของอาจารย์ 8 คน ซึ่งการสนับสนุนต้นกระดาษในครั้งนี้จะช่วยปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษ์ธรรมชาติ และเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับเด็กๆในการทำกิจกรรมร่วมกับบุลคลภายนอก นับว่าเป็นการปลูกปัญญาเด็กอย่างยั่งยืน”
จากความสำเร็จในการจัดกิจกรรม "ปลูกต้น กระดาษ ปลูกปัญญาโรงเรียนในชนบท ปี 3" ทำให้ดั๊บเบิ้ล เอ จัดโครงการนี้อย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยกิจกรรมวันนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยลดโลกร้อน ไม่ว่าจะเป็น เกมส์กะหล่ำปลี ที่ให้เด็กๆยืนเป็นวงกลม และช่วยกันร้องเพลงประกอบจังหวะ พร้อมกับส่งกะหล่ำปลี (ทำจากกระดาษห่อเป็นลูกกลมๆ) ไปรอบๆ เมื่อเพลงหยุด ให้เปิดอ่านคำสั่งหรือตอบคำถามเกี่ยวกับลดโลกร้อนในนั้น , เกมส์ปิดตาแต่งตัว โดยจำลองสถานการณ์ว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้แล้ว การดำเนินชีวิตจะลำบากมากเพียงใด โดยให้เด็กๆแข่งกันแต่งตัว และเกมส์สุดท้ายวิ่งเปี้ยวแยกขยะ ที่ให้เด็กจับกลุ่มแบ่งตามสี และแข่งกันแยกขยะตามประเภท เช่น ขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะอันตราย และขยะรีไซเคิล
ด.ญ.จันทรามาส ผึ้งใหญ่ หรือน้องหลิว นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้บอกว่า “หนูขอขอบคุณพี่ๆทุกคนมากเลยค่ะ ที่มาร่วมเล่นเกมและเอาหนังสือมาบริจาคให้โรงเรียน เพราะหนูชอบอ่านหนังสือมากค่ะ การอ่านหนังสือทำให้หนูมีความรู้เพิ่มเติมตั้งหลายอย่าง แต่หนังสือที่นี่มีน้อย และไม่ค่อยมีคนมาบริจาคให้ค่ะ ทำให้พวกหนูไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มใหม่เท่าไรนัก ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้พี่ๆมาอีกค่ะ”
ด.ช. อำนาจ สีทาจันทร์ หรือน้องบอมซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เช่นเดียวกัน กล่าวว่า “วันนี้ผมสนุกมากเลยครับ ที่พี่ๆเข้ามาเยี่ยมเยียนและเล่นเกมกับพวกเรา ซึ่งผมชอบเกมส์แยกขยะที่สุดครับ เพราะเป็นเกมส์ที่มีสาระและผมสามาระนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตอนแรกผมก็งงว่า ขยะเปียกหมายถึงอะไร ถ้าเป็นน้ำทุกอย่างนี่ก็เป็นขยะเปียกรึเปล่า แต่หลังจากเล่นเกมนี้ ทำให้รู้ว่า ขยะเปียกคือขยะทุกชนิดที่สามารถเน่าเสียได้ ทำให้ผมคิดว่าเราควรแยกขยะออกจากกันให้ถูกต้องเวลาทิ้ง เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดครับ”
กิจกรรมดี ๆ สร้างสรรค์ ช่วยเหลือโลกและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบนี้ที่ ดั๊บเบิ้ลเอได้ให้ความสำคัญและจะดำเนินต่อไปเพื่อช่วยเหลือสังคมให้มีโลกที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น