กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--Francom Asia
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (“TTA”) ประกาศปรับแผนการเพิ่มทุน ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน ในอัตราส่วน 5:2 และให้วอร์แรนต์กับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 2:1 เพื่อระดมเงินราว 6,372 ล้านบาท สำหรับลงทุนซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองทั้งแบบสั่งต่อใหม่และมือสองในช่วงนี้ ซึ่งเป็นโอกาสในการล็อคต้นทุนให้ต่ำ รวมถึงสนับสนุนเมอร์เมดในการสั่งต่อเรือขุดเจาะท้องแบนมาทดแทนเรือเก่าที่กำลังจะปลดระวาง เพื่อรักษาโอกาสในธุรกิจในช่วงขาขึ้นของธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ผู้ถือหุ้นเดิมจะมีสิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 14 บาท ส่วนใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้น (วอร์แรนต์) จะออกให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นที่จองสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 2 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ ซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิ์แปลง 1 วอแรนต์เป็น 1 หุ้นสามัญได้ในราคา 17 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง (30 เดือน) ทั้งนี้ ระยะเวลาในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 21 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2556
ในกรณีที่มีหุ้นเพิ่มทุนเหลือจากการจองสิทธิ์ จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่สนใจ สามารถจองเกินสิทธิ์ได้ในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่า 50% ของหุ้นเดิม (0.5 เท่า) ในราคา 14 บาทเช่นเดียวกัน ซึ่งในกรณีที่ยังคงมีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะรายในวงจำกัด (PP) ในแบบคราวเดียว หรือหลายคราว ทั้งนี้ TTA จะนำแผนการเพิ่มทุนนี้เสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 2556
“เราได้พิจารณาถึงปัจจัยทางธุรกิจต่างๆ ของ TTA โดยละเอียดแล้ว และเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต” นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการและผู้ถือหุ้นของ TTA กล่าว “ผมเชื่อมั่นในแผนเพิ่มทุนว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนและขยายกิจการ และผมน้อมรับฟังความเห็นของท่านผู้ถือหุ้นท่านอื่นๆทุกท่าน ดังนั้นคณะกรรมการฯ และฝ่ายจัดการได้ร่วมกันปรับโครงสร้างแผนเพิ่มทุนให้คล้อยตามทุกความคิดเห็นให้เป็นอัตราส่วน5:2 และให้วอร์แรนต์เพิ่มเข้ามา ซึ่งถึงแม้ว่าอาจจะระดมทุนได้น้อยลง แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการขยายกิจการหากได้มีการปรับแผนการลงทุนบ้าง และผมให้การสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนนี้อย่างเต็มที่ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่าแผนเพิ่มทุนนี้เป็นแผนที่กลั่นกรองจากความต้องการของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ผมจึงมีความตั้งใจที่จะใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้”
TTA คาดว่า แผนเพิ่มทุนนี้จะระดมทุนเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6,371 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ระดมได้จากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวน 3,965 ล้านบาท และจากการออกวอแรนต์เป็นจำนวน 2,407 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาในการใช้สิทธิ์ 2 ปีครึ่ง
“โครงสร้างของแผนเพิ่มทุนฉบับใหม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขตามความเห็นและข้อแนะนำที่เราได้รับจากท่านผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเราหวังว่าโครงสร้างใหม่นี้จะตอบโจทย์สิ่งที่ผู้ถือหุ้นต้องการ และยังช่วยให้ TTA สามารถเดินหน้าลงทุนได้ตามแผนที่วางไว้” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TTA กล่าว “เงินที่จะระดมได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจะถูกนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ ในขณะที่เงินที่ระดมได้จากการออกวอร์แรนต์ จะนำไปใช้สำหรับรับมอบเรือที่สั่งต่อใหม่ที่ถูกล็อคราคาให้มีต้นทุนที่ต่ำไว้แล้วในตอนนี้ โดยช่วงรับมอบเรือจะเป็นช่วงที่เราจะต้องชำระเงินก้อนใหญ่ ซึ่งกว่าจะสร้างเสร็จก็จะน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง พอดีกับจังหวะที่เงินจากการการใช้สิทธ์แปลงวอแรนต์จะค่อยๆ ทยอยเข้ามาสู่บริษัทพอดี ซึ่งแน่นอนว่า เราจะรักษาสมดุลของส่วนผสมระหว่างทุนและเงินกู้ เพื่อให้เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้”
เมื่อปี 2551 เรือประเภท Supramax อายุ 5 ปีมีราคาซื้อขายอยู่ในระดับที่สูงกว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ราคาซื้อขายเฉลี่ยตลอดระยะเวลา 10 ปีหลังนั้น จะอยู่ที่ราวๆ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในวันนี้ TTA มองเห็นโอกาสที่จะซื้อเรือมือสองที่ทันสมัย สภาพดี ในราคาที่ต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่เรือ Supramax ประเภทสั่งต่อใหม่นั้น จะมีราคาอยู่ระหว่าง 24 ถึง 27 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกกว่าราคาเฉลี่ยของเรือสั่งต่อใหม่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึง 20% ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่าอัตราค่าระวางเรือนั้นน่าจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกเป็นระยะเวลาราว 10-12 เดือน ซึ่งจะทำให้ราคาของเรือขนส่งสินค้าเทกองนั้นลดต่ำลงไปถึงจุดต่ำสุดในปี 2556 ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวในปี 2557
ส่วนตลาดบริการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเรือขุดเจาะทั้งแบบท้องแบนและสามขารุ่นใหม่ๆ นั้น มีอัตราการใช้งานสูงถึง 95% จึงทำให้เมอร์เมดมีแผนที่จะทำการซื้อเรือขุดเจาะลำใหม่เข้ามาทดแทนเรือขุดเจาะสองลำที่กำลังจะปลดระวางในอนาคตอันใกล้ เพื่อรักษาโอกาสในการอยู่ในธุรกิจนี้ต่อไป เนื่องจากในธุรกิจนี้ไม่มีการซื้อขายเรือมือสอง และการสั่งต่อเรือขุดเจาะท้องแบนลำใหม่ในวันนี้ จะต้องใช้เงินประมาณ 120 — 130 ล้านเหรียญสหรัฐต่อลำ โดยมีระยะเวลาในการสร้างประมาณ 2 ปี
แม้ว่าผลประกอบการประจำปี 2555 ของ TTA จะได้รับผลกระทบจากการบันทึกรายการพิเศษที่เป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด การตัดจำหน่าย และการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดปีเป็นอย่างมาก แต่ธุรกิจหลักของบริษัทอย่างโทรีเซน ชิปปิ้ง และเมอร์เมด ต่างก็ทำผลงานได้ดี ด้วยยอดกำไรจากการดำเนินงานปกติก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 886% และ 138% ตามลำดับ
เกี่ยวกับ TTA
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจอย่างสมดุลและหลากหลาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจขนส่ง กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ TTA ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน (บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria)