กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บลจ.ไอเอ็นจี ปลื้มผลงานกองทุน LTF ติดอันดับให้ผลตอบแทนสูงสุด 3 กองทุน จากการจัดอันดับของ “มอร์นิ่ง สตาร์” ที่วัดผลการดำเนินงานในช่วงกว่า 11 เดือนแรก (ตั้งแต่ 4 ม.ค.-12 ธ.ค.2555) นำโดยกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 46.56% อยู่ในอันดับที่ 4 ขณะที่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 44.16% อยู่ในอันดับที่ 5 และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 40.98% อยู่ในอันดับที่ 7 นับเป็น บลจ.ที่มีกองทุนติดอันดับท็อปเทนมากที่สุด ยอมรับอานิสงส์ตลาดหุ้นไทยคึกคักในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยเฉพาะเดือนธันวาคมที่เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนโดดเด่น ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการจากนโยบายลงทุนที่เน้นยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ พร้อมเดินหน้าจัดโปรโมชั่น ING LTF&RMF Money Cash Back ต่อเนื่องถึง 28 ธ.ค.2555
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการจัดอันดับผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยบริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งวัดผลตอบแทนในรอบกว่า 11 เดือนตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมถึง 12 ธันวาคม 2555 ปรากฏว่ามีกองทุนภายใต้การบริหารงานของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกสูงถึง 3 กองทุน ซึ่งถือว่า เป็น บลจ.ที่มีกองทุนติดอันดับผลตอบแทนสูงสุดเป็นจำนวนมากที่สุด
ทั้งนี้ ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.11% และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ดัชนีราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,354.57 จุด ซึ่งการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นส่งผลให้กองทุน LTF สร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยจากการจัดอันดับบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า กองทุน LTF ของ บลจ.ไอเอ็นจี ให้ผลตอบแทนสูงสุด จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 46.56% อยู่ในอันดับที่ 4 ขณะที่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 44.16% อยู่ในอันดับที่ 5 และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว ให้ผลตอบแทน 40.98% อยู่ในอันดับที่ 7 โดยทั้งสามกองทุนมีผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับดัชนี SET Index ที่ 32.11% และ SET50 ที่ 28.30%
“ต้องยอมรับว่า ในปีนี้ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมมีความคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากการเดินหน้าแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรปคลี่คลายไปในระดับหนึ่ง ประกอบกับการที่ธนาคารสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายด้วยการเพิ่มปริมาณเงินเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 4 (QE4) ขณะที่อีกหลายๆ ประเทศก็เพิ่มปริมาณเงินในระบบ ทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่น่าพอใจ” นายจุมพลกล่าว
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนหุ้นระยะยาวของ บลจ.ไอเอ็นจี สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี มาจากการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด และมีการปรับพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับภาวะการลงทุน รวมถึงหลักทรัพย์คุณภาพที่เลือกลงทุนมีผลประกอบการที่ดีและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ กองทุน LTF ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี ยังมีความหลากหลายและลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้สอดคล้องกับความต้องการหรือตามสภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงได้ นอกเหนือจากการได้รับการลดหย่อนภาษีของนักลงทุนแต่ละท่าน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี ยังกล่าวด้วยว่า เชื่อว่า ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี จะมีส่วนในการตัดสินใจของนักลงทุน สำหรับในปีนี้ ทาง บลจ.ไอเอ็นจี ได้จัดแคมเปญ ING LTF&RMF Money Cash Back ซึ่งนักลงทุนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ LTF และ RMF ประเภทหุ้นทุน ของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 1 กันยายนถึง 28 ธันวาคม 2555 โดยมียอดสะสมทุกๆ 50,000 บาท จะได้รับเงินสด (Cash Back) มูลค่า 250 บาท
สำหรับผู้สนใจลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) สามารถขอข้อมูลหรือลงทุนได้ที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ, ธนาคารซิตี้แบงก์ และผู้สนับสนุนการขายทุกแห่ง และ/หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โทรศัพท์ 02-688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th หรือดูข้อมูลมอร์นิ่งสตาร์ได้ที่ www.morningstarthailand.com