กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--RFT2015.com
การส่งเสริมการปลูกยางพาราพันธุ์ดีทดแทนสวนยางเก่า เป็นนโยบายของรัฐตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 52 ปี มีการปลูกทดแทนยางเก่าไม่น้อยกว่า 2รอบ ซึ่งเป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวพันธ์เดิมลงบนพื้นที่เดิม ใช้ปุ๋ยเคมีแบบเดิมๆ ทำให้เกิดปัญหาดินขาดธาตุอาหาร ดินแข็งไม่เก็บความชื้น ส่งผลให้ต้นยางที่ปลูกใหม่ (วิธีการแบบเดิมๆ ใช้ตาเขียวชำถุง ด้วยพันธ์ยางเดิมๆ) ในรอบที่ 2 หรือ 3 มีขนาดลำต้นเล็กลง ต้นยางขาดภูมิคุ้มกันต่อโรคและแมลง มีปัญหาการระบาดของศัตรูพืชมากขึ้น มีผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง รายได้ชาวสวนยางลดลง เป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง
ดังนั้นโครงการส่งเสริม การปลูกกาแฟอาราบิก้าในสวนยางพารา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับชาวสวนยางพารา ที่จะเพิ่มผลผลิตน้ำยาง (ปลูกด้วยยางพันธ์ดีที่มีระบบรากดีด้วยยางบัดดิ้ง) เก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานมากขึ้น พร้อมทั้งมีรายได้เพิ่มจากการขายเมล็ดกาแฟ และปัจจุบันกาแฟเป็นที่ต้องการในตลาดโลกมากขึ้นทุกๆ ปี แต่พื้นที่ปลูกมีจำกัดและลดน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นเกษตรกรชาวสวนยางอย่าปล่อยให้โอกาสเสียไป กาแฟอาราบิก้า 1 ต้น (ช่วงอายุ 5 ปี) ให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟสด (เชอร์รี่) ประมาณ 5 กิโลกรัม (ราคาปัจจุบัน
20 บาท) หลังการสีเปลือกล้างเมือกตากแห้งจะได้กาแฟกะลา 1 กิโลกรัม (ราคาปัจจุบัน 105 บาท)
ในการดำเนินการส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าในสวนยางพารา มีความจำเป็นต้องให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติในการสนับสนุนขบวนการผลิตของเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาแฟ เรื่องปุ๋ย (ปรับเปลี่ยนระบบการดูแลสวนยางพารา, กาแฟ) เรื่องดิน (ฟื้นฟูระบบนิเวศของดิน) เรื่องการตลาด (เกษตรกรไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องตลาด ทางโครงการรับซื้อผลผลิต ไม่ว่าจะเป็นยางพารา หรือ กาแฟอาราบิก้า โดยเฉพาะกาแฟอาราบิก้า จะรับซื้อผลผลิตของสมาชิกเท่านั้น)
ติดต่อ:
ธันฐกรณ์
RFT2015@gmail.com
www.RFT2015.com