บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลใจดีจ่ายเงินปันผลและรับซื้อคืนหน่วยอัตโนมัติ 3 กองทุนกลุ่ม iFUND Series

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 3, 2013 13:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ม.ค.--บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล จำกัด แจ้งข่าวประกาศจ่ายเงินปันผลและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ สำหรับ 3 กองทุน iFUND Series ซึ่งได้แก่ 1.กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iPROP) 2. กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ดิวิเดนด์ อินคัม(CIMB-PRINCIPAL iDIV) และ 3. กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iDAILY) นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการขายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนซีไอเอ็มบี—พรินซิเพิล จำกัด บริษัทในกลุ่มซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า กองทุนเปิดกลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล อินคัม หรือ กองทุน iFUND Seriesทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวข้างต้นนั้น ประกาศปิดสมุดทะเบียนกองทุนในวันที่ 28 ธันวาคม 2555 เพื่อจ่ายปันผลสำหรับนักลงทุนที่ถือครองกองทุนในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2555 โดยกองทุนทั้ง 3 กองทุน จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน 2 ชนิดคือ Class D และ Class R ซึ่งClass D จะจ่ายปันผลในวันที่ 4 มกราคม 2556 สำหรับ Class R จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในวันที่ 2 มกราคม 2556 กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iPROP) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.205 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 7 ต่อปีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/55 โดยที่ผลการดำเนินงานกองทุนตั้งแต่ต้นปีสูงถึงประมาณร้อยละ 28.61* กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ดิวิเดนด์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iDIV) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 10 ต่อปีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/55 โดยที่ผลการดำเนินงานกองทุนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนพฤษภาคม สูงถึงประมาณร้อยละ 33.48* กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iDAILY) จ่ายเงินปันผลครั้งแรก ในอัตรา 0.065 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 2.5 ต่อปีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/55 โดยที่ผลการดำเนินงานกองทุนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในเดือนเมษายนสูงถึงประมาณร้อยละ 2.77* ต่อปี อยู่ในกลุ่มนำของกองทุน Money Market ที่จัดอันดับโดย Morningstar “กองทุนตระกูล iFUND Series เราตั้งใจจะจ่ายผลตอบแทนคืนให้กับนักลงทุนเป็นรายไตรมาส โดยครั้งนี้สำหรับกอง iPROP ก็จะเป็นการจ่ายติดต่อกัน 3 ไตรมาสแล้ว สำหรับกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลด์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iGOLD) และกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล คอร์ ฟิกซ์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iFIXED) บลจ.เพิ่งทำการเปิดซื้อขายในช่วงปลายปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัติโนมัติได้ ในปี 2556 เช่นกัน” นายเจิดพันธุ์กล่าวเสริม นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่าในปี 2555 ที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจโลกจะมีปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปคอยรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในภาวะที่สภาพคล่องในระบบมีสูงมากจากการอัดฉีดโดยธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะอเมริกา และยุโรป ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก โดยทั้งอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ต่างคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับใกล้ศูนย์ ทำให้สภาพคล่องที่อัดฉีดเข้ามาไหลไปหาการลงทุนที่มีดอกเบี้ย หรือเงินปันผลสูง (Yield Play) เช่น ตราสารหนี้ภาคเอกชน กองทุนอสังหาฯ หุ้นปันผล ซึ่งมองว่าแนวโน้มที่เห็นในปีนี้จะยังคงมีต่อไปในปีหน้า มุมมองตลาดหุ้นไทยในปี 2556 นั้น อาจจะให้ผลตอบแทนรวมต่ำกว่าปี 2555 เนื่องจากที่ดัชนี SET ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีระดับ P/E ที่ค่อนข้างเต็มมูลค่า อย่างไรก็ตามทิศทางแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตต่อเนื่อง น่าจะส่งผลให้หุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกซึ่งทางบลจ.คาดการณ์ที่ระดับ 10 — 15% และอาจมีความผันผวนที่มากขึ้นหากปัญหายุโรปทวีความรุนแรงขึ้น (Tail Risk) ดังนั้น ปีหน้าคงเป็นปีที่นักลงทุนต้องวางแผนจัดสินทรัพย์การลงทุน (Asset Allocation) ให้เหมาะสมตามเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละรายรับได้ “ กองทุน iFund Series ภายใต้การบริหารของบลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ได้แก่1) CIMB-PRINCIPAL iPROP - อสังหาริมทร้พย์ 2) CIMB-PRINCIPAL iDAILY- ตราสารหนี้ตลาดเงิน 3) CIMB-PRINCIPAL iDIV - หุ้นเติบโตดีและปันผลต่อเนื่อง 4) CIMB-PRINCIPAL iGOLD -ทองคำ 5) CIMB-PRINCIPAL iFIXED - ตราสารหนี้ โดยกองทุน iFUND Series ทุกกองจะมีคุณสมบัติหลักในการมอบทางเลือกให้ผู้ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนแบบ Multi Share Class 3 ชนิด คือ 1. Class A -Accumulation เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยหรือบริษัทที่ต้องการสะสมมูลค่าโดยนำผลตอบแทนการลงทุนที่ได้ไปลงทุนต่อ 2. Class R -Auto Redemption เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการรับรายได้แบบสม่ำเสมอผ่านการ Auto Redemption และ 3. Class D -Dividend เหมาะกับการลงทุนของบริษัทจำกัด และสถาบันการเงินที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอในรูปของเงินปันผล (Dividend) ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกจุดขายหนึ่งของกองทุนบริษัทเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้เหมาะกับนักลงทุนแต่ละประเภท” นายเจษฎากล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ