ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิต “ศุภาลัย” ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday October 29, 2004 08:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ซึ่งสะท้อนประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทและคณะผู้บริหารในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตราสัญลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยราคาปานกลาง และโครงสร้างทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่บริษัทชำระหนี้ล่วงหน้าในช่วงปี 2545-2547 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนด้วยความเสี่ยงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผันผวนค่อนข้างสูงและการแข่งขันที่ยังคงรุนแรง ตลอดจนอัตราการเติบโตของความต้องการที่อยู่อาศัยที่ลดลง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลง และบริษัทยังสามารถคงโครงสร้างทางการเงินไว้ไม่ให้อ่อนแอลงไปมากจากปัจจุบันแม้ว่าบริษัทจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในโครงการตึกสูงก็ตามทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทศุภาลัย เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางที่ก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูลตั้งมติธรรมซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และร่วมเป็นคณะผู้บริหารของบริษัทมาตั้งแต่ก่อตั้ง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2547 ตระกูลดังกล่าวและบริษัทที่เกี่ยวข้องถือหุ้นของบริษัทรวมทั้งสิ้นเกือบ 24.0% ผู้บริหารส่วนใหญ่ของบริษัทมีประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยชื่อเสียงของ “ศุภาลัย” ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางทั้งในแง่ของคุณภาพและราคาที่เหมาะสม บริษัทและบริษัทในเครือได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ขอนแก่น และสงขลา โดยกระจายการพัฒนาโครงการทั้งในรูปของที่ดินจัดสรร บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ อาคารชุดพักอาศัย และบ้านพักตากอากาศ นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัทดำเนินโครงการแล้วเสร็จไปแล้ว 9 โครงการ ด้วยมูลค่ารวม 6,200 ล้านบาท และได้ส่งมอบให้แก่ลูกค้าไปแล้วกว่า 2,900 หน่วย ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่กำลังพัฒนา 15 โครงการ จำนวน 7,233 หน่วย มูลค่ารวม 16,770 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2547 บริษัทได้ขายที่อยู่อาศัยไปแล้วประมาณ 63% ของจำนวนที่เปิดขายทั้งหมด นอกจากนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 บริษัทยังได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ “แกรนด์ ทาวเวอร์” ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกต่อหลังจากที่ได้ชะงักไประยะหนึ่ง และบริษัทยังมีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2547 และอีก 1 โครงการในไตรมาสแรกของปี 2548 ด้วยรายได้ส่วนใหญ่กว่า 90% ของบริษัทมาจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เหลือมาจากการให้บริการ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 บริษัทมีรายได้ประมาณ 994 ล้านบาท โดย 95% มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประมาณ 70% ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มาจากบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ส่วนที่เหลือมาจากอาคารชุดพักอาศัย อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้จากการขายอาคารชุดพักอาศัยน่าจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้าเมื่อบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ “พรีเมียร์ เพลส” และ “โอเรียลทัล เพลส” ในปัจจุบัน รวมทั้งโครงการ “คาซา ริวา” ที่จะเปิดในปีหน้า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทศุภาลัยได้เข้าร่วมกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้กับสำนักงานคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้ (คปน.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนมิถุนายน 2542 และได้ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ในเดือนมกราคม 2543 บริษัทได้จ่ายคืนหนี้ที่ปรับโครงสร้างแล้วทั้งหมดเมื่อไตรมาสแรกของปี 2547 (ยกเว้นหนี้ที่มีการแปลงเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกันที่เหลือจำนวน 376 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547) หลังจากนั้นผลประกอบการของบริษัทก็เริ่มฟื้นตัวและภาระหนี้สินเริ่มลดลง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจาก 97.7% ในปี 2543 มาอยู่ที่ 41.9% ในปี 2546 และ 33.9% ในครึ่งแรกของปี 2547 ผู้บริหารคาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อเงินทุนที่ระดับน้อยกว่า 1 เท่าได้ อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 0.04 เท่าในปี 2543 มาอยู่ที่ 3.80 เท่าในปี 2546 และ 9.31 เท่าในครึ่งแรกของปี 2547--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ